มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2008 ที่จัดขึ้น ณ กรุงปังกิ่ง เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์โอลิมปิกโลก ซึ่งนักสังเกตการณ์ต่างเชื่อว่า มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง ครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน ให้เราใช้โอกาสนี้จับตามอง สาธารณรัฐประชาชนจีน ดินแดนแห่งอารยธรรมโบราณ 3000 ปี ประเทศมหาอำนาจแห่งโลกตะวันออก ผู้สร้างปาฏิหาริย์อันมากมายอย่างต่อเนื่อง เรียนรู้ความคิดของผู้คนและภูมิปัญญาอันน่ายกย่องของชาติ บางทีสิ่งนี่อาจคู่ควรแก่จิตวิญญาณแห่งโอลิมปิกโลกมากกว่า!
เมื่อพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่งใกล้เข้ามา คำครหาและข่าวเสียหายก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ไม่กี่วันที่ผ่านมา โธมัส บาค ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Welt am Sonntag ของเยอรมนี แต่หนังสือพิมพ์ดังกล่าวกลับตั้งชื่อบทความสัมภาษณ์ ว่า "บาค คุณกำลังหลอกลวงมนุษย์ใช่ไหม?" (Wollen Sie die Menschheit für dumm verkaufen, Herr Bach?) พร้อมกับเขียนข่าวโจมตี โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ซึ่งคำตอบของโธมัส บาค คือให้ทุกคนมองข้ามการแบ่งแยกทางการเมืองและหันมาสนับสนุนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ใกล้จะถึงนี้ โธมัส บาค ยังกล่าวอีกว่า " สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจะพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งผ่านการการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ณ กรุงปักกิ่ง ขอเพียงทุกคนศรัทธาในโอลิมปิก เราก็สามารถบรรลุพันธกิจในการสร้างความสามัคคีแห่งโลกได้ ดังนั้น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งครั้งนี้ จะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ดีของการแข่งขันอย่างสันติ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอยู่เหนือความแตกแยกใดๆ ในโอลิมปิก เราทุกคนเคารพกฎเดียวกันและเคารพซึ่งกันและกัน เราทุกคนเท่าเทียมกัน "
นอกจากสื่อบางส่วนแล้ว นักสังเกตการณ์ยังพบว่า คำครหาต่างๆเกี่ยวกับโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งนั้นมาจากองค์กร NGO ในประเทศตะวันตก
เมื่อไม่นานมานี้ องค์กรที่เรียกตนเองว่า "สมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศ" ได้ตีพิมพ์รายงานฉบับหนึ่ง โดยตั้งหัวข้อว่า "จีน : เหรียญทองเพื่อการปราบปราม (ประหัตประหาร)" ในรายงานระบุว่า " โอลิมปิกมีกฎเกณฑ์ของตนเอง แต่จีนได้แสดงให้เห็นว่า มันแทบจะไม่มีการเคารพกฎหมายและบรรทัดฐานสากลเลย" พวกเขายังกล่าวอีกว่า "เราจะส่งรายงานฉบับนี้ให้กับ โธมัส บาค ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล(ไอโอซี)" แต่ความเป็นจริง ทางคณะกรรมการโอลิมปิกสากลได้แถลงการณ์ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคมของปีที่แล้วว่าจะไม่ให้ "ปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชน" สร้างแรงกดดันใดๆ ต่อการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2022 ที่จีนเป็นเจ้าภาพแน่นอน
ที่น่าแปลกใจคือ องค์กร NGO เหล่านี้ไม่ใช่องค์กรทางการเมือง แต่พวกเขามักพัวพันกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในประเด็นทางการเมืองและใส่ร้ายประเทศจีน หากลองพิจารณาให้ดี จะพบว่าสิ่งที่พวกเขาดิ้นรนอยู่นั้นอาจไม่ใช่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แต่เป็นการใส่ร้ายประเทศจีน อย่างเช่น สมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศ (ICFTU)ที่กล่าวถึงในข้างต้น พวกเขาคอยกล่าวหาประเทศจีนมาตลอดทั้งปี และทุกข้อกล่าวหาของพวกเขา ไม่ข้อใดที่เกี่ยวข้องกับสิทธิแรงงานอย่างแท้จริงเลย ตัวอย่างเช่น การกดขี่และการคุมขังในฮ่องกง การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBT การกดขี่และการกวาดล้างชาติพันธุ์ของชนกลุ่มน้อย และการปกปิดเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 เป็นต้น ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังขอให้บริษัทที่เกี่ยวข้องยกเลิกการสนับสนุนมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่จะจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่งด้วย ซึ่งการกระทำของพวกเขาได้หันกลับมาทำลายวิสัยทัศน์และเป้าหมายของตนเองในที่สุด เช่นนั้นแล้ว จะไม่ให้ผู้คนสงสัยได้อย่างไรว่า องค์กรดังกล่าวให้ความสำคัญกับสิทธิแรงงานอย่างแท้จริงหรือไม่?
หากพิจารณาอย่างละเอียดจะพบว่าสมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับกองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา(NED) ซึ่งรู้จักกันในนาม "Second CIA" ตัวอย่างเช่นข่าวฮ่องกงเมื่อปีที่ผ่านมา สมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศ (ICFTU) สาขาในฮ่องกงได้รับเงินสนับสนุนจาก NED กว่า 13 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงผ่าน " ศูนย์อเมริกันเพื่อแรงงานนานาชาติ (ACILS) ตั้งแต่ปี 1994 ถึงปี 2014 แต่ "สหภาพแรงงาน" ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า "เงินทุนดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามแผนโครงการของสมาคม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆทั้งสิ้น"
ดังที่ทุกคนทราบกัน สหภาพแรงงานแห่งฮ่องกงให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวบนท้องถนนในฮ่องกง และ ศูนย์อเมริกันเพื่อแรงงานนานาชาติ(ACILS) ก็เป็นเป้าหมายหลักในการระดมทุนของกองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา(NED) นอกจากนี้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยนี้
"โซลิดาริตี" ของโปแลนด์เป็นหนึ่งใน "โดมิโน" ที่โค่นล้มความวุ่นวายในการปฏิวัติ ค.ศ. 1989 แต่ในความเป็นจริง คือ มันได้รับการสนับสนุนจาก "ศูนย์สมานฉันท์องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรของสหรัฐอเมริกา" และค่อยๆขยายตัวจนกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ "การปฏิวัติสี" ทั้งนี้มีหลักฐานมากมายที่บ่งบอกว่า ศูนย์สมานฉันท์ดังกล่าวเป็นผู้ให้เงินทุนหลักอยู่เบื้องหลังสมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศ
เมื่อมองย้อนกลับไป สมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศเป็นผลผลิตจากยุคสงครามเย็น ถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ของชาวตะวันตก มันแสดงบทบาทเป็น "เนโท" แห่งสหพันธ์สหภาพแรงงาน และแข่งขันกับสหพันธ์สหภาพแรงงานที่นำโดยสหภาพโซเวียต ในสมัยนั้น ขณะที่มันจัดการกับสหภาพโซเวียต ชาวตะวันตกก็แทรกซึมเข้าไปในสหภาพโซเวียตผ่านทางองค์กรที่เรียกว่า NGO เช่น "สหภาพแรงงาน" และ "ศูนย์ช่วยเหลือ"เป็นต้น องค์กรเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับหน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐอเมริกา ดังนั้นจึงกลายเป็นเครือข่ายที่กระจายทั่วทุกหนทุกแห่ง และทำการแทรกซึมในทุกรูปแบบ 30 ปีหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เครื่องมือสงครามเย็นนี้ ยังคงอยู่ในความคิดของนักการเมืองชาวอเมริกันและชาวตะวันตกบางคนสำหรับสงครามเย็นครั้งใหม่
จากข้อมูลเราจะเห็นว่า คำครหาเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง ยังคงเป็นมุกเก่าของสมาพันธ์สหภาพแรงงานระหว่างประเทศ และองค์กร NGO ต่างๆ ที่ใช้เพื่อหลอกลวงทางอุดมการณ์ และไม่มีแนวคิดที่สร้างสรรค์แต่อย่างใด ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือวิญญาณแห่งโอลิมปิกที่ถูกทำลาย และนำมาซึ่งความเกลียดชังของผู้คนต่อองค์กร NGO เหล่านี้
05-28
05-25
05-22
05-20
05-20
05-19
05-11
05-11
05-10
05-06