ชี้ “วายุภักษ์”ฉุดหุ้นไทยไม่แรง

2024-07-01 HaiPress

เอกชนปลื้ม รมว.คลังใส่ใจตลาดทุนไทย หวังกองทุนไทยอีเอสจีช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นให้คึกคัก

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ Econ Life ผ่านทางยูทูบ ช่องเดลินิวส์ออนไลน์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ถึงกรณีที่กระทรวงการคลัง เตรียมนำกองทุนวายุภักษ์กลับมาใช้ ว่ากระทรวงการคลังมีความคิดที่จะช่วยเหลือตลาดทุน โดยพึ่งพาเงินจากในประเทศ เพราะเป็นกองทุนที่ไม่จูงใจด้านการเสียภาษีแต่เป็นการรับประกันเงินต้น การันตีผลตอบแทน 3% ต่อปี และรัฐบาลยังได้รับภาษีและกองทุนดังกล่าว โดยมีเงื่อนไข คือ คนที่ถือหุ้นมากที่สุด คือ กระทรวงการคลังที่มีอำนาจในการตั้งนโยบายการลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ ทำให้เงินเพิ่มเข้ามาผ่านกองทุนนี้ เบื้องต้นประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

“จริง ๆ แล้ว เชื่อว่ากระทรวงการคลังอยากนำกองทุนแอลทีเอฟกลับมา แต่อาจมีเหตุผลบางอย่างที่นำกลับมาไม่ได้ อาทิ เรื่องความเหลื่อมล้ำ ทำให้รัฐบาลขาดรายได้ไป 20,000 ล้านบาท หรือไม่ ที่อาจไม่คุ้มค่า จึงฟื้นกองทุนไทยอีเอสจีแทนแต่รัฐบาลรู้ว่าเงินที่จะไหลเข้ามาอาจไม่เพียงพอ จึงมีแนวคิดใช้กองทุนวายุภักษ์เพิ่ม และสะท้อนให้เห็นว่านายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง กำลังพยายามและใส่ใจเห็นความสำคัญของตลาดทุน ถือเป็นเรื่องที่ดีมากจากสถานการณ์ปลายปีที่แล้วที่ตลาดไม่ปกติทำให้นักลงทุนหมดหวังมาก”

ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังเลือกปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ไทยอีเอสจี) นั้น โดยส่วนตัว อารมณ์แอบผิดหวังเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรง อารมณ์เหมือนกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ไม่ได้อันดับ 1 แต่หลุดไปถึงอันดับ 4 แต่ยังดีกว่าเอนทรานซ์ไม่ติดหรือสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้  แต่ในใจที่อยากได้จริง ๆ คือ อยากได้แบบกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) เพราะแอลทีเอฟของเดิมถือครองเพียงแค่ 3 ปีปฏิทิน หักลดหย่อนภาษีได้ 5 แสนบาท เมื่อรวมกับกองทุนอาร์เอ็มเอสอีก 5 แสนบาท รวมแล้วเป็น 1 ล้านบาท ทำให้มีเงินไหลเข้ามาในตลาดหุ้นปี 60 สูงถึง 65,000 ล้านบาท

“หากมีเงินเข้ามาปีละ 65,000 ล้านบาท แม้ช่วงต้นปีจะมีการขายออกจากถือครบกำหนดปีละ 20,000 ล้านบาท ก็ยังมีเงินใหม่เติมเข้ามาในตลาดเรื่อย ๆ และดัชนีหุ้นจึงแข็งแกร่งและปรับขึ้นมาตลอดกาล โดยเฉพาะปี 50-60 และหลังจากนั้นประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติการเมืองหลายครั้ง แต่จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยปรับลดลงระยะสั้นจากนั้นก็ปรับขึ้น ซึ่งไม่ได้ซึมยาวทั้งปีหรือข้ามปีอย่างที่เห็นปัจจุบัน หรือที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยไม่เคยติดลบเกิน 1 ปี แต่ปีนี้ดูเหมือนยากขึ้นเพราะไม่มีกองทุนแอลทีเอฟ ที่หากดัชนีลดลงก็จะเกิดแรงซื้อเรื่อย ๆ”

ทั้งนี้ สิ่งที่ช่วยฟื้นตลาดหุ้นได้ดีที่สุดยังคงเป็นกองทุนแอลทีเอฟ แต่เมื่อไม่ได้ตามที่หวัง กองทุนไทยอีเอสจี ก็ยังสามารถช่วยให้มีเงินเข้ามาตลาดหุ้นไทยได้ จากเมื่อปลายปี 66 เงินจากกองทุนเอสเอสเอฟเข้าไปตลาดหุ้นไทยประมาณ 10,000 ล้านบาท จากกองทุนไทยอีเอสจีอีก 5,000 ล้านบาท สามารถหักลดหย่อนได้ 1 แสนบาท หากหักลดหย่อน 5 แสนบาท ก็จะช่วยให้เงินจากกองทุนไทยอีเอสจีเข้าตลาดหุ้นไทยประมาณ 15,000 ล้านบาท และรวมกับกองทุนอื่นแล้วจะมีเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย 25,000 ล้านบาท ซึ่งพอช่วยตลาดได้บ้าง. 

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

CKPower คว้าเรตติ้งสูงสุด SET ESG Ratings ปี 2567 ระดับ “AAA”

12-20

ราคาทองวันนี้ 19 ธ.ค.67 ร่วง 200 บาท

12-20

ก.ล.ต.สั่งCPAXT ชี้แจงข้อมูลร่วมลงทุนโครงการ The Happitat

12-20

ดัชนีวันนี้ปิดลบ 21.42 จุด เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยน้อยลง

12-20

DAD ดันศูนย์ราชการ ขึ้นแท่นเมืองต้นแบบสีเขียว จัดงบ 32 ล้าน สร้างอาคารเก็บพลังงาน

12-20

“เบทาโกร” คว้าเรตติ้งระดับสูงสุด “AAA” หุ้นยั่งยืน SET ESG RATING 2567 เป็นปีแรก

12-20

พช.จัดโปรส่งท้ายปี ขนสินค้าโอทอปลดครั้งใหญ่

12-20

คริสตัล โฮม ผนึก AXOR ลุยขยายลูกค้าไฮเอนด์

12-20

นายกฯห่วงมันราคาร่วง ‘พิชัย’ เร่งมือหาตลาดจีน 1 ล้านตัน-เพิ่มใช้ในประเทศ 5 แสนตัน

12-20

ซื้ออะไรได้บ้าง เปิดกล่องของขวัญปีใหม่ Easy e-Receipt หักภาษี 5 หมื่น เข้า ครม.สัปดาห์หน้า

12-20

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap