ชี้ภาวะศรษฐกิจทำให้ “ผู้บริโภค- เอสเอ็มอี” เข้าถึงสินเชื่อยาก หันไปกู้นอกระบบจนเป็นปัญหา แนะบริษัทใหญ่ ช่วยเอสเอ็มอี ชี้ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเสนอม ทุกฝ่ายช่วยกันจะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาปรับตัวดีขึ้นแน่นอน

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ นสพ.เดลินิวส์ และ เดลินิวส์ออนไลน์ จัดงานเสวนาเดลินิวส์ ทอล์ก 2024 (Dailynews Talk 2024 ) ครั้งที่ 3 ของปีนี้ ในหัวข้อเรื่อง “THAILAND : FUTURE AND BEYOND…ก้าวต่อไปของประเทศไทย” มี นายพิชัย ชุณหวชิร รักษาการรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “ถอดรหัส…โอกาสเศรษฐกิจไทย” และมีเวทีเสวนาในหัวข้อ “ฝ่าลมต้านเศรษฐกิจ…สู่การเติบโตที่ยั่งยืน” โดยมี นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ไทยกรุ๊ป โฮลดิ้งส์

พร้อมด้วย น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน เเอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และนายพชรกฤษฏิ์ ชื่นชม ประธานบริหาร บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมวงเสวนา

นายพชรกฤษฏิ์ ชื่นชม ประธานบริหาร บริษัท พชรกฤษฏิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ของประเทศไทย ในส่วนของสินเชื่อในปัจจุบันเติบโตต่ำลงมาก แม้ความต้องการสินเชื่อยังมีโดยเฉพาะในกลุ่ม เอสเอ็มอี แต่ยังเป็นกลุ่มที่เข้าถึงสินเชื่อได้ยาก ปัจจุบันสถาบันการเงินมีการปล่อยให้เฉพาะบริษัทใหญ่ๆ รวมถึง ความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อผู้บริโภคบัตรเครดิตที่ความต้องการยังสูง แต่สถานบันการเงินเข้มงวดในการปล่อย เพราะหนี้สิ้นครัวเรือนตัวเลขพุ่งสูงในประวัติศาสตร์ ทำให้ เกิดปัญหาเป็นวัฎจักร ในเรื่องการบริโภคที่ต่ำลง ผู้ผลิตสินค้าขายไม่ดี สถานการณ์แบบนี้ ทำให้สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อเพราะมีความเสี่ยงสูง

“ในส่วนของตัวเอง ในฐานะผู้ประกอบการสินเชื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ ก็พยายามผลักดันอยู่ แต่ก็ต้องระวัง ความเสี่ยงต่างๆ เพราะสินเชื่อไม่สามารถขยายตัวมากกว่าการโตของจีดีพีได้ จึงอยากให้ธุรกิจใหญ่ เข้ามาช่วยเอสเอ็มอีด้วย เพราะวันนี้มีแต่คนตั้งคำถามว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งคงอยู่ที่มุมมอง บางธุรกิจอาจเติบโต บางธุรกิจอาจแย่ นักธุรกิจอาจจะมองว่าต่อไปธุรกิจจะกลับมาดีขึ้นได้หรือไม่ เพราะจากข่าวสารต่างๆ ทั้งเรื่องค่าไฟ ค่าครองชีพที่อาจเพิ่มสูงขึ้นมากในอนาคต จึงมองว่า คนไทยต้องกลับมาทำงานหนักมากขึ้น จะให้ความสำคัญกับ เวิร์ค ไลฟ์ บาลานซ์ อย่างเดิมไม่ได้”

นายพชรกฤษฏิ์ กล่าวต่อว่า วิกฤตประเทศไทยตอนนี้ อาจจะไม่ใช้แค่สั้นๆ แต่อาจจะเกิดในระยะยาว ทั้งเรื่องเงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพ ค่าไฟสูง ที่อาจส่งผลกระทบต่อพวกโรงงานอุตสาหกรรม การผลิตสินค้าที่ต้นทุนแพงขึ้น โรงงานต้องปิดตัวลงมากขึ้น เกิดการเลิกจ้างงานมากขึ้น คนต้องการสินเชื่อบริโภค แต่ กู้ไม่ผ่าน จึงหันไปกู้นอกระบบมากขึ้น จึงอาจเกิดปัญหาตามมาได้ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการต้องปรับตัวในวิกฤติ มักจะมีโอกาสอยู่เสมอ เช่น บริษัทของตนเอง ช่วงวิกฤติ มีผู้ประกอบการที่ต้องการสินเชื่อมากขึ้นทั้งรายเล็กรายใหญ่ ทำให้บริษัทได้ลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมา จึงต้องสำรวจว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไรได้บ้างเพื่อเพิ่มโอกาสและทางเลือกในการทำธุรกิจได้ ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยในอนาคตต้องกลับมาดีขึ้นอย่างแน่นอน