เสียหายหนัก! น้ำท่วมเหนือกระทบเศรษฐกิจหมื่นล้าน ภาคเกษตรมากที่สุด

2024-09-03 HaiPress

หอการค้าฯ ประเมินน้ำท่วมเหนือ กระทบเศรษฐกิจเสียหายหนักกว่าหมื่นล้านบาท ภาคเกษตรโดนมากที่สุด เปิดจังหวัดเสียหาย 3 อันดับ

วันที่ 2 ก.ย. นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความกังวลของภาคเอกชนในการติดตามอัปเดตสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ ซึ่งยังมีแนวโน้มที่ฝนจะตกเพิ่มอีกระลอก โดยหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินมูลค่าความเสียหายกรณีสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เบื้องต้นประมาณ 8,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.05% ของ GDP (สมมติให้สถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายภายใน 15 วัน)

ทั้งนี้ จากการประเมิน พบว่า ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายถึง 7,168 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 89.6% ของความเสียหายทั้งหมด รองลงมาเป็นภาคบริการ เสียหาย 693 ล้านบาท (8.66%) และภาคอุตสาหกรรมเสียหาย 139 ล้านบาท (1.74%) โดยจังหวัดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด 3 อันดับ ได้แก่ เชียงราย มีมูลค่าความเสียหายรวม 3,632 ล้านบาท รองลงมาคือ พะเยา 2,034 ล้านบาท และสุโขทัย 1,359 ล้านบาท ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม หลายจังหวัดยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดน้ำท่วม โดยเฉพาะฝนตกหลังเขื่อนที่อาจสร้างผลกระทบเพิ่มเติม ซึ่งหากสถานการณ์ยื้อเยื้อถึง 1 เดือน และขยายวงกว้างอาจเสียหายรวมกว่าหมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.06% ของ GDP

ดังนั้น ในระยะสั้นหอการค้าฯ เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อให้การสั่งการและมอบหมายนโยบายข้ามกระทรวงเกิดการบูรณาการการทำงานอย่างคล่องตัว และจะต้องเตรียมแผนรับมือมวลน้ำที่จะไหลลงมาสู่ภาคกลางและกรุงเทพฯ ตลอดจนปริมาณฝนที่คาดว่าจะมีการตกหลังเขื่อนในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมเพิ่มเติมได้ หากรัฐบาลมีแผนเชิงป้องกันไว้ล่วงหน้าที่ชัดเจนก็จะช่วยลดผลกระทบและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนและเศรษฐกิจได้มาก

สำหรับประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีโอกาสเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับปี 2554 หรือไม่ ส่วนนี้หอการค้าฯ มองว่ามีความเป็นไปได้น้อย โดยประเมินจาก 5 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

1) ปริมาณฝนสะสมปี 2567 น้อยกว่า ปี 2554 โดยในปี 2554 มีปริมาณฝนสะสมทั้งปีสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 24% ขณะที่ปี 2567 มีปริมาณฝนสะสมตั้งแต่ ม.ค.-20 ส.ค. ต่ำกว่าค่าปกติ 4%

2) จำนวนพายุที่คาดว่าจะเข้าประเทศไทยปี 2567 น้อยกว่า ปี 2554 โดยในปี 2554 มีพายุเข้าถึง 5 ลูก ขณะที่ปี 2567 คาดว่าจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนที่เข้าประเทศไทยเพียง 1-2 ลูก

3) ความสามารถในการรองรับน้ำของเขื่อนหลักปี 2567 ดีกว่าปี 2554 ณ วันที่ 30 ส.ค. 2567 เขื่อนหลัก 4 แห่ง มีปริมาณน้ำใช้การ 7,208 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 40% ของความจุ ยังรับน้ำได้อีก 10,967 ล้าน ลบ.ม. (เทียบกับปี 2554 ที่สามารถรับน้ำเพิ่มได้เพียง 4,647 ล้าน ลบ.ม.) แสดงว่าเขื่อนหลัก 4 แห่ง ยังมีความสามารถในการรองรับน้ำได้อีกมาก

4) แนวโน้มสถานการณ์น้ำในลำน้ำสายหลัก ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติถึงน้ำน้อย

5) ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 แม่น้ำเจ้าพระยา ยังไม่มากเท่ากับปี 2554 ซึ่งปี 2567 มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,307 ลบ.ม./วิ (คาดการณ์สูงสุด 2,860 ลบ.ม./วิ) เทียบกับปี 2554 ที่มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,284 ลบ.ม./วิ (ค่าสูงสุด 4,689 ลบ.ม./วิ)

ดังนั้น แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์น้ำในปี 2567 มีความรุนแรงน้อยกว่าปี 2554 อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มีความเป็นไปได้น้อยที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับปี 2554 แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญทันทีหลังสถานการณ์ระดับน้ำลดลงและเข้าสู่ภาวะปกติคือ การช่วยเหลือ ซ่อมแซม และฟื้นฟู ให้ประชาชนและภาคธุรกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบรุนแรง เช่น ประชาชนที่บ้านจมหายหรือเสียหายทั้งหลังควรได้รับเงินชดเชยหรือเงินช่วยเหลือ

ส่วนของภาคธุรกิจ ก็ต้องเร่งสำรวจจัดลำดับความเสียหาย ซึ่งหอการค้าฯ เห็นว่ารัฐบาลควรมีนโยบายให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งจัดมาตรการทางการเงินช่วยเหลือเช่น การพักชำระหนี้ การลดดอกเบี้ย หรือแม้แต่ Soft Loan เพื่อช่วยปรับปรุง ซ่อมแซม เครื่องไม้เครื่องมือในการประกอบธุรกิจ เพื่อให้ภาคธุรกิจกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็ว

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

‘พิชัย’ ปิดดีลเอฟทีเอ ‘ไทย-ภูฏาน’ เตรียมลงนามเม.ย.นี้สร้างแต้มต่อส่งออก

02-21

หุ้นไทยเช้านี้เปิดลบ 6.95 จุด จากเฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย

02-21

ราคาทองวันนี้ 20 ก.พ.68 ร่วง 100 บาท

02-21

‘เจ้าสัว’ ชี้ ขนมขบเคี้ยวโต ตั้งธง 3 ปี รายได้ 2.2 พันล้านบ.

02-21

ค่าเงินบาท 20 ก.พ.แข็งค่า 33.68 บาท จับตามาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐ

02-21

ค่าไฟหนังยาว!! ‘พีระพันธุ์’ ดึงกฤษฎีกาถก ยันข้อเสนอกกพ.ลด 17 สตางค์ ‘ทำไม่ได้’

02-21

SC เตรียมขายบ้านสุดหรูหลังละ 200 ล้านบาท

02-21

แวะปั๊มด่วน!! แก๊สโซฮอล์-เบนซินขึ้นราคา 30 สต. ดีเซลคงเดิม มีผลพรุ่งนี้

02-21

ดัชนีวันนี้ปิดลบ 16.66 จุด กังวล “ทรัมป์” ขึ้นภาษีรถยนต์

02-21

BBL คาดเศรษฐกิจไทยปี 68 จีดีพี 3% รับแรงหนุนการส่งออก-ท่องเที่ยว

02-21

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap