เปิดคาดการณ์อุทกภัย ‘น้ำท่วมปี 2567’ มูลค่าเสียหายสูงนับหมื่นล้าน

2024-09-13 HaiPress

วิจัยกรุงศรี คาดการณ์อุทกภัย น้ำท่วมปี 2567 เสี่ยงสูงช่วงกันยายน-ตุลาคม แต่ไม่รุนแรงเท่าปี 2554 ประเมินมูลค่าเสียหายน้ำท่วมปี 2567 สูง 4.65 หมื่นล้านบาท

วันที่ 13 ก.ย. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดย วิจัยกรุงศรี วิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มอุทกภัยในประเทศไทยปี 2567 ชี้ความเสี่ยงเพิ่มสูงในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี โดยเฉพาะเดือนกันยายนและตุลาคม เนื่องจากการเข้าสู่ภาวะลานีญาและอิทธิพลของมรสุม อย่างไรก็ตาม คาดว่าอุทกภัยที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ จะไม่รุนแรงเท่ามหาอุทกภัยปี 2554

“วิจัยกรุงศรี” ได้วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ดัชนีสมุทรศาสตร์ ทั้งดัชนี ONI ที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ภาวะลานีญาอย่างรวดเร็วหลังจากเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงต้นปี และดัชนี PDO และ IOD ที่แสดงแนวโน้มพายุในภูมิภาคที่มีผลอย่างมากต่อปริมาณฝนในไทย ตลอดจนอิทธิพลจากพายุประจำปี ทั้งพายุที่จะเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง และเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านแต่ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อประเทศไทย ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ปริมาณฝนในไทยจะมีแนวโน้มสูงกว่าค่าเฉลี่ยราว 15-16% และคาดการณ์ว่าจะเข้าสู่ภาวะลานีญาอย่างเต็มตัวในเดือนตุลาคม 2567 ทำให้ในเดือนกันยายน-ตุลาคม เป็นช่วงที่มีความเสี่ยงอุทกภัยในทุกภูมิภาค

โดยพื้นที่เสี่ยงสูงได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และบางส่วนของภาคใต้ โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่างซึ่งเป็นทางน้ำผ่าน และภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำและเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ตลอดจนทรัพย์สิน อาทิ ครัวเรือน โรงงาน เครื่องจักร สินค้าเกษตร ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคได้

ทั้งนี้ วิจัยกรุงศรีได้จำลองสถานการณ์ไว้ 3 กรณี โดยในกรณีฐาน คาดว่าจะมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 8.6 ล้านไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวม 4.65 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.27% ของ GDP อย่างไรก็ตาม ความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐที่ดีขึ้น และการพัฒนาระบบป้องกันของภาคเอกชนโดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรม จะช่วยลดทอนผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2554

ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า แม้ว่าความเสี่ยงอุทกภัยในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้น แต่วิจัยกรุงศรี คาดว่าจะไม่รุนแรงเท่ามหาอุทกภัยปี 2554 เนื่องจากในปี 2567 นี้มีปริมาณน้ำฝนที่น้อยกว่า มีพื้นที่รองรับน้ำมากกว่า รวมถึงความพร้อมด้านการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐและการเตรียมความพร้อมของภาคเอกชนที่พัฒนาขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรายังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคมที่มีความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากยังมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกหลายประการ โดยเฉพาะจำนวนพายุที่เคลื่อนที่เข้าสู่ไทยที่จะส่งผลต่อปริมาณฝน และพื้นที่ที่เกิดฝนตกหนัก อันเนื่องมาจากภาวะโลกรวนในปัจจุบัน ที่ทำให้สภาพอากาศรุนแรงสุดขั้ว หรือ Extreme weather เกิดขึ้นบ่อยครั้งมากขึ้นและรุนแรงมากขึ้น

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

แบงก์ชาติ ผลักดันเศรษฐกิจเพื่อประชาชน-การเงินดิจิทัลปลอดภัย

08-05

‘การบินไทย’คัมแบ๊กที่ราคา 10.50 บาท/หุ้น

08-05

GEELY ลุยขยายเครือข่าย30 แห่งปีนี้

08-05

กยศ. ยกหนี้ให้ทหารกล้า พลีชีพจากเหตุสู้รบ ชายแดนไทย–กัมพูชา

08-05

ค่าเงินบาทแข็งค่า 32.48 บาท มีแรงขายเงินดอลลาร์ จับตาประเด็นในประเทศ-ตปท.

08-05

หุ้นเช้านี้เปิดบวก 4.20 จุด ยังตอบรับไทยได้อัตราภาษีอัตรา 19% 

08-05

‘ไขปมค่าไฟแพง’ Pool Gas คืออะไร ทำไมคนไทยต้องจ่ายแพง!

08-05

ย้อนไทม์ไลน์ ‘การบินไทย’ ก่อนกลับมาคัมแบ๊กด้วยหุ้นราคา 10.50 บาท

08-05

ซีพีเอฟ เปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูกาลใหม่ที่จะออกมาในช่วงเดือนส.ค.นี้ 

08-05

ผู้อำนวยการ ‘อคส.’ เปิดแผนขับเคลื่อนองค์กร 3 ด้านเน้นสร้างกำไร-โปร่งใส-ทันสมัย

08-05

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap