‘ศุภวุฒิ’ ฟันธงจีดีพีไตรมาส 4/67 ขยายตัว 4% เปิดปัจจัยเศรษฐกิจปี 68

2024-12-18 IDOPRESS

'ประธานสภาพัฒน์' ฟันธงจีดีพีโค้งสุดท้ายปี 67 ขยายตัว 4% จับตา 4 ปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 68

วันที่ 17 ธ.ค. นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 67จะขยายตัวได้ 2.7%โดยไตรมาส 4 จีดีพีจะขยายตัวได้ 4% จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการขยายตัวของการส่งออก

ขณะที่ในปี 68 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดว่า จีดีพีจะขยายตัว 2.9% แต่แนวโน้มยังคงมีความไม่แน่นอนสูง โดยมีความเสี่ยงที่โน้มเอียงไปในทิศทางขาลง

สำหรับในปี 68 จะมี 4 ปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้คือ การส่งออกสินค้าซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 50% ของจีดีพี โดยการส่งออกของไทยไปสหรัฐ เท่ากับเกือบ 10% ของจีดีพี จะมีความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโอกาสที่มีผลกระทบทางลบหรือความเสียหายมาก และตลาดยุโรปกับจีนก็ดูจะไม่แข็งแรง และการท่องเที่ยวคงจะฟื้นตัวต่อไป คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 68 น่าจะกลับไปที่ 40 ล้านคน เท่ากับปริมาณก่อนการระบาดของโควิด-19

แต่รายจ่ายต่อหัวจะยังต่ำกว่า นอกจากนี้แรงกระตุ้นจากภาครัฐคงจะมีต่อเนื่องถึงประมาณกลางปีหน้า จากการแจกเงินก้อนสุดท้าย และการเร่งใช้งบลงทุน แต่การที่รัฐมนตรีคลังพูดถึงการเก็บภาษีเพิ่ม แปลว่า นโยบายการคลังน่าจะตึงตัวขึ้น และนโยบายการเงินนั้น ตลาดคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งในปี 68 เพราะเงินเฟ้อต่ำมาก

ขณะเดียวกัน ธปท.ยังคงจะส่งสัญญาณให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อใหม่ และธนาคารพาณิชย์เองก็คงจะต้องใช้เวลากับการแก้หนี้เสียที่ยังหลงเหลืออยู่ไม่น้อย ดังนั้น แนวโน้มของการลดลงของสัดส่วนหนี้สินต่อรายได้ก็จะยังดำเนินต่อไปในปี 68 อย่างไรก็ตาม หาก ธปท.ผ่อนคลายนโยบายการเงินเชื่องช้าเกินไป ผลที่จะตามมาคือ กำลังซื้อในประเทศจะไม่แข็งแรงและเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอีกได้

นายอภิเชษฐ์ เกียรติวรคุณ  ผู้อำนวยการ การเงิน บมจ.บัตรกรุงไทย (เคทีซี) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโต 2.9% ในปี 68 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตและการส่งออกในภูมิภาค การที่สหรัฐอาจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมอีก 60% และขึ้นภาษีทั่วไป 10% สำหรับประเทศอื่นๆ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ไทยมีโอกาสได้รับประโยชน์ในระยะสั้น จากการย้ายฐานการผลิตของจีนมายังอาเซียน แม้ว่าในระยะยาวอาจต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดส่งออก จุดแข็งสูงสุดของการเติบโตคาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 4 ปี 67และไตรมาส 1 ปี 68 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย คาดว่า ธปท.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 1.50-2%สอดคล้องกับทิศทางทั่วโลก เนื่องจากเงินเฟ้อที่ชะลอตัวและราคาพลังงานที่คาดว่าจะปรับลดลง การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัลยังคงมีแนวโน้มเข้ามาต่อเนื่อง โดยมีอาเซียนเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญ รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่คาดว่าแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของ 68

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

‘พิชัย’ ปิดดีลเอฟทีเอ ‘ไทย-ภูฏาน’ เตรียมลงนามเม.ย.นี้สร้างแต้มต่อส่งออก

02-21

หุ้นไทยเช้านี้เปิดลบ 6.95 จุด จากเฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย

02-21

ราคาทองวันนี้ 20 ก.พ.68 ร่วง 100 บาท

02-21

‘เจ้าสัว’ ชี้ ขนมขบเคี้ยวโต ตั้งธง 3 ปี รายได้ 2.2 พันล้านบ.

02-21

ค่าเงินบาท 20 ก.พ.แข็งค่า 33.68 บาท จับตามาตรการภาษีนำเข้าสหรัฐ

02-21

ค่าไฟหนังยาว!! ‘พีระพันธุ์’ ดึงกฤษฎีกาถก ยันข้อเสนอกกพ.ลด 17 สตางค์ ‘ทำไม่ได้’

02-21

SC เตรียมขายบ้านสุดหรูหลังละ 200 ล้านบาท

02-21

แวะปั๊มด่วน!! แก๊สโซฮอล์-เบนซินขึ้นราคา 30 สต. ดีเซลคงเดิม มีผลพรุ่งนี้

02-21

ดัชนีวันนี้ปิดลบ 16.66 จุด กังวล “ทรัมป์” ขึ้นภาษีรถยนต์

02-21

BBL คาดเศรษฐกิจไทยปี 68 จีดีพี 3% รับแรงหนุนการส่งออก-ท่องเที่ยว

02-21

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap