ม.หอการค้าไทย เผยอันดับ 10 จังหวัดเด่นด้านเกษตร อุตสาหกรรม บริการ และ 10 จังหวัดเด่นในภาพรวม โดยกรุงเทพฯ อันดับ 1 โดยมีแรงหนุนจากภาคบริการ ตามด้วย สมุทรปราการ และชลบุรี

นายพูนทวี ชัยวิจิตมลากุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการจัดอันดับ 10 จังหวัดเด่นของไทยปี 68 ว่า ศูนย์ฯ ได้จัดอันดับ 10 จังหวัดเด่นใน 3 ด้านคือ ด้านเกษตรกรรม ด้านอุตสาหกรรม และด้านบริการ รวมถึง 10 จังหวัดเด่นในภาพรวม โดยพิจารณาจากปัจจัยผลิตภาพแรงงาน จำนวนผู้ประกอบการในแต่ละภาค แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ของสินค้า บริการ และอุตสาหกรรมหลักแต่ละชนิด จำนวนผู้ประกอบการรวมในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะให้คะแนนด้านต่างๆ โดยมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน

สำหรับ 10 จังหวัดเด่นด้านเกษตรเรียงลำดับจาก 1-10 ได้แก่ นครราชสีมา โดยมีมันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นขับเคลื่อน เพราะคาดว่า ราคาจะยังอยู่ในระดับสูง และมีโรงงานแปรรูปรองรับผลผลิต ตามด้วย กระบี่ จากปาล์มน้ำมันและยางพารา ที่เป็นพืชเศรษฐกิจหลัก,จันทบุรี มีทุเรียนเป็นแรงขับเคลื่อนโดดเด่น,นครศรีธรรมราช มียางพาราและปาล์มน้ำมัน,สุราษฎร์ธานี ปาล์มน้ำมัน ยางพารา,ระยอง ทุเรียน,เลย ยางพารา,กำแพงเพชร มันสำปะหลัง,อุบลราชธานี มันสำปะหลัง และเพชรบูรณ์ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

ส่วน 10 จังหวัดเด่นด้านอุตสาหกรรม ได้แก่ กรุงเทพฯ จากอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เคมีภัณฑ์ และปิโตรเคมี สะท้อนการเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รองลงมาคือ สมุทรปราการ จากเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติก แสดงถึงการเป็นฐานการผลิตด้านเทคโนโลยีขั้นสูง,ชลบุรี จากเครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ และเฟอร์นิเจอร์ สะท้อนความเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาคตะวันออก

รวมถึงพระนครศรีอยุธยา เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักร,สงขลา ผลิตภัณฑ์ยางพารา และไม้,สมุทรสาคร ผลิตภัณฑ์กระดาษ พลาสติก และสิ่งทอ,สุราษฎร์ธานี ผลิตภัณฑ์ไม้ และอาหาร,ระยอง ผลิตภัณฑ์ยาง โลหะ และเครื่องจักร,นนทบุรี เฟอร์นิเจอร์ ผลิตภัณฑ์ไม้ และสิ่งทอ และสระบุรี อโลหะ สะท้อนถึงความได้เปรียบด้านวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง

ขณะที่ 10 จังหวัดเด่นด้านบริการ ได้แก่ กรุงเทพฯ ด้านธุรกิจขนส่ง ค้าปลีก และกิจกรรมวิชาชีพ สะท้อนการเป็นศูนย์กลางการค้าบริการระดับประเทศ ตามด้วย สมุทรปราการ ธุรกิจค้าส่ง และโรงพยาบาล,ชลบุรี ธุรกิจก่อสร้าง โรงพยาบาล และธุรกิจบันเทิง ซึ่งควรผลักดันเป็นเมืองท่องเที่ยวและที่อยู่อาศัยชั้นนำของภาคตะวันออก,ปทุมธานี ธุรกิจบันเทิง ที่พักและร้านอาหาร,นนทบุรี ก่อสร้าง เทคโนโลยีสารสนเทศ,เชียงใหม่ ขนส่ง/โลจิสติกส์ ที่พัก ร้านอาหาร,ระยอง ค้าปลีก ขนส่ง/โลจิสติกส์,สมุทรสาคร ที่พักและร้านอาหาร,นครราชสีมา ขนส่ง/โลจิสติกส์ และนครปฐม ที่พัก ร้านอาหาร

สำหรับ 10 จังหวัดเด่นในภาพรวม ที่นำเอา 10 จังหวัดเด่นของแต่ละด้านมาจัดอันดับนั้น ได้แก่ กรุงเทพฯ ด้านภาคบริการ ตามด้วย สมุทรปราการ ภาคอุตสาหกรรมและบริการ,ชลบุรี ภาคอุตสาหกรรม,นนทบุรี ภาคบริการ,ปทุมธานี ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการ,ระยอง ภาคอุตสาหกรรม,สมุทรสาคร ภาคอุตสาหกรรม,พระนครศรีอยุธยา ภาคอุตสาหกรรม,ฉะเชิงเทรา ภาคอุตสาหกรรม และปราจีนบุรี ภาคอุตสาหกรรม

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยคาดว่าไตรมาส 3 จะโตได้ประมาณ 3% ส่วนไตรมาส 4 คาดจะโตได้ 4% ทำให้ทั้งปีนี้โตได้ 2.6% ถือเป็นการฟื้นตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน และจะฟื้นตัวต่อเนื่องในปีหน้า ภายใต้เงื่อนไขว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ทำเทรดวอร์ที่รุนแรงขึ้น และความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์จำกัดอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าขยายตัวได้มากขึ้น ผลักดันให้การส่งออก และการท่องเที่ยวไทยโตได้

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยปีหน้า ยังจะได้รับผลดีจากการกระตุ้นของรัฐบาล ทั้งแจกเงินหมื่นให้ผู้สูงอายุ เงินช่วยชาวนาไร่ละพันบาท มาตรการคุณสู้เราช่วย ที่ช่วยพักชำระดอกเบี้ย ที่คาดว่า จะมีเงินเข้ามาหมุนในระบบช้วงไตรมาสแรกปีหน้าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท และจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไตรมาส 1 ได้

“แต่หลังจากทรัมป์รับตำแหน่งช่วงกลางเดือน ม.ค. 68 และเริ่มทำงาน น่าจะเห็นการใช้มาตรการต่างๆ กับทั่วโลกตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 คือ เดือน มี.ค. ซึ่งถึงตอนนั้น รัฐบาลควรมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอีก ส่วนการลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. น่าจะเกิดขึ้นปีหน้า 2 ครั้ง เพราะขณะนี้ แบงก์ชาติอาจต้องเก็บกระสุนไว้ต่อสู้กับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เพราะยังไม่รู้ว่า เทรดวอร์จะแรงขึ้นหรือไม่ อย่างไร”