EXIM BANK ตั้งเป้าปี 68 ขยายเงินกู้ 2.2 แสนล้าน ช่วยผู้ส่งออกสู้ทรัมป์-สินเชื่อสีเขียว

2025-02-14 IDOPRESS

EXIM BANK ตั้งเป้าปี 68 ขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 2.1-2.2 แสนลบ.ช่วยผู้ส่งออกสู้ทรัมป์ ปล่อยกู้เงินสีเขียว

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิม แบงก์) เปิดเผยว่า ในปี 68 ธนาคารตั้งเป้าหมายนำผู้ประกอบการไทยฝ่ามรสุมทรัมป์ 2.0 และพัฒนารับมือธุรกิจสีเขียว โดยธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อคงค้างจาก 1.89 แสนล้านบาท เป็น 2.1-2.2 แสนล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 7%  ในจำนวนนี้สินเชื่อใหม่เกิน 50% จะเป็นเม็ดการปล่อยกู้สีเขียว อย่างไรก็ตาม การปล่อยสินเชื่อใหม่ ปีนี้ไม่น่าจะหวือหวามาก แต่สินเชื่อสีเขียวจะเติบโตมากสุด เพราะยังมีโอกาสอีกมาก

สำหรับแนวทางการปล่อยสินเชื่อจะเน้นสินเชื่อสีเขียว เนื่องจากโลกและไทยยังต้องการเม็ดเงินสีเขียวอีกจำนวนมาก โดยประเมินว่า ทั่วโลกปี 66 มีความต้องการเงินทุนสีเขียวอยู่ที่ราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แม้ว่าเม็ดเงินดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอด 6 ปี แต่ยังต่ำกว่าความต้องการที่ประเมินสูงถึงราว 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในช่วงปี 67-73 เท่ากับว่าโลกยังต้องการเงินเพิ่มขึ้นราว 5 เท่า

นายรักษ์ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ เชื่อจะยังไปต่อได้ปัจจัยเกื้อหนุน ประกอบด้วย การท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาครัฐ การบริโภค การลงทุน และการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐ กับประเทศคู่ค้าตามนโยบายทรัมป์ หนี้ครัวเรือนยังสูงถึง 89% และภาคการผลิตยังฟื้นตัวไม่ทันในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ธนาคารคาดปีนี้ส่งออกไทยขยายตัวได้ 2-3% ปัจจัยส่งเสริมให้การส่งออกไทยขยายตัวต่อได้ ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจโลกและนโยบายทรัมป์ ได้แก่ การเร่งนำเข้าของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โอกาสส่งออกของไทยทดแทนสินค้าจีน อาทิ คอมพิวเตอร์ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศ เฟอร์นิเจอร์ แผงโซลาร์ โอกาสส่งออกสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก เช่น สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ การย้ายฐานการผลิตจากต่างชาติเข้ามาในไทย เช่น ธุรกิจดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนการขยายตัวของตลาดใหม่ เช่น อินเดีย อาเซียน และการเปิดเอฟทีเอ เอฟตา

ขณะเดียวกัน ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ สินค้าไทยอาจโดนมาตรการจากสหรัฐโดยเฉพาะการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่เกินดุลกับสหรัฐสูง เช่น คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ โทรศัพท์ เครื่องจักร หรือถูกบังคับให้นำเข้าเพิ่ม อาทิ สินค้าเกษตร น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ สินค้าไทยที่อยู่ในการผลิตเดียวกับจีนได้รับผลกระทบ อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ เคมีภัณฑ์ ยางพารา  

นายรักษ์ กล่าวว่า จะเดินหน้าต่อยอดความเชี่ยวชาญในฐานะธนาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมโดยมีเป้าหมายสินเชื่อสีเขียวเพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 70 นอกจากนี้ ธนาคารได้เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ให้บริการจัดจำหน่ายหุ้นกู้แก่ลูกค้าที่มีความต้องการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ และอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ จัดจำหน่ายตราสารหนี้ด้วย

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

บอร์ดกระตุ้นศก.โยกงบ 4 หมื่นลบ.รับมือภาษี “ทรัมป์”

07-25

‘โออาร์’ ออกแถลงการณ์เสียใจเหตุปั๊มที่ศรีสะเกษมีคนเสียชีวิต เร่งช่วยเหลือเต็มที่

07-25

สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา กระทบเศรษฐกิจน้อยถ้าไม่ยกระดับเป็นสงคราม

07-25

CPAll ขอแสดงความเสียใจเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

07-25

พาณิชย์ เร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ ได้รับผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา ดูแลสินค้าให้เพียงพอ

07-25

เอกชนภาวนาขอไทย-เขมรจบไว ปิดด่านเสียหายวันละ 500 ล้านบาท

07-25

เปิดลิสต์หุ้นกระทบหนักไทย-กัมพูชาปะทะเดือด

07-25

“การบินไทย” พร้อมช่วยขนคนไทยใน “กัมพูชา” กลับบ้าน “สุริยะ” สั่งเฝ้าระวัง พร้อมรับมือ

07-25

ไทยแกร่ง!! บีโอไอเปิดยอดลงทุนทะลุ 1 ล้านล้านบาท พุ่ง 138% ไทย – เทศขยายคึกคัก

07-25

เช็กธนาคารปิดสาขาชายแดนไทย-กัมพูชา 7 จังหวัด แนะช่องทางอื่นทดแทน

07-25

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap