‘ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้‘ กางแผนปี68 เปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 12,200 ล้านบาท ลุยขยายพอร์ตลักชัวรี วิลล่า

นายดรงค์ หุตะจูฑะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ THE TITLE ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Leisure Residence เพื่อการพักอาศัยและการลงทุนอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตปี 2567 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่ม Leisure Residences เนื่องจากภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพความพร้อมในทุกด้าน สำหรับการพักอาศัยและท่องเที่ยว เห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางสู่ จ.ภูเก็ตเมื่อปีที่ผ่านมาจำนวนกว่า 14 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงความต้องการที่อยู่อาศัย ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงดีมานด์ในตลาดอสังหาฯ ทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศพุ่งสูงโดยเฉพาะกลุ่มโปรดักส์ที่มีความแตกต่างเฉพาะตัว ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าทั้งเพื่อการอยู่อาศัย และลงทุนระยะยาว 

“ด้วยปัจจัยดังกล่าว บริษัทฯ จึงเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพ รองรับความต้องการของลูกค้า โดยในปี 2567 ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของบริษัทฯ ทั้งด้านยอดขายจากการเปิดตัวโครงการทั้งสิ้น 5 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 20,000 ล้านบาท และสามารถทำยอดพรีเซลล์สูงถึง 7,692 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการสร้างสถิติยอดขายสูงสุดครั้งใหม่ของบริษัท โดยเป็นผลมาจากประสบการณ์ความเข้าใจในวิถีชีวิตของลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงสามารถพัฒนาโครงการได้อย่างตรงจุด ด้วยการออกแบบดีไซน์การก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง ได้อย่างโดดเด่น มีคาแรคเตอร์ และกลิ่นอายของความเป็นภูเก็ตที่แตกต่างกันออกไป จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าจำนวนมาก“

สำหรับในปี 2568 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 12,200 ล้านบาท เพื่อสานต่อการเติบโตดังกล่าว และขยายพอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ ให้ครอบคลุมตลาด Leisure Residences ของภูเก็ตในทุกทำเล โดยแบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,700 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ THEKATABELLO (เดอะ คาตาเบลโล) บนทำเลแห่งใหม่ย่านกะตะ มูลค่าโครงการ 5,500 ล้านบาท, โครงการ Adora Rawai (อะดอรา ราไวย์)มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และโครงการThe Title Balcony Naiyang (เดอะ ไทเทิล บาลโคนี ในยาง) มูลค่าโครงการ 3,800 ล้านบาท  

โดยในปีนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะรุกตลาด Luxury Villa เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ผ่าน 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ Villa Estella Naiyang(วิลล่า เอสเตลลา ในยาง) มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท และโครงการThe Title Villa Cherngtalay (เดอะ ไทเทิล วิลล่า เชิงทะเล) มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 ทำเล ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ โดยทำเลในยาง เป็นหนึ่งในทำเลที่กำลังได้รับความสนใจและมีความต้องการสูงจากลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติ ทั้งยังเป็นทำเลที่โดดเด่นในเรื่องความเงียบสงบเน้นความเป็นส่วนตัว และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใกล้สนามบิน มีโรงพยาบาลชั้นนำ และคอมมูนิตี้มอลล์​ ด้านทำเลเชิงทะเล นับเป็นอีกหนึ่งทำเลที่ร้อนแรงที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่กึ่งกลางของเกาะภูเก็ต บรรยากาศดี หาดทรายขาวมีทะเลที่สวย มีแหล่งชอปปิ้ง ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การพักผ่อน และยังเป็นทำเลที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อวิลล่า และลักชัวรีพูลวิลล่าในภูเก็ต

พร้อมกันนี้บริษัทฯยังมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้คือ โครงการThe Title Legendary Bang – Tao (เดอะไทเทิลเลเจนดารีบางเทา)มูลค่าโครงการ4,500ล้านบาทที่จะเป็นแรงผลักดันรายได้ และช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในปีนี้และปัจจุบันบริษัทฯมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า9,960ล้านบาทซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้สร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทอย่างต่อเนื่องจนถึงปี2027

นอกจากนี้บริษัทฯยังดำเนินธุรกิจเพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ในการส่งเสริมภูเก็ตให้เป็น“จุดหมายปลายทางระดับโลก” (Global Destination)สำหรับทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่มองหาที่อยู่อาศัยที่มีความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียมเช่นการร่วมเป็นผู้สนับสนุนElectric Daisy Carnival Thailand2025 (EDC Thailand2025)เทศกาลดนตรีระดับโลกที่จัดขึ้นเป็น ครั้งแรกในประเทศไทยตอกย้ำบทบาทของจังหวัดให้เป็นหนึ่งในสถานที่จัดอีเวนต์ที่น่าสนใจที่สุดในระดับโลก

“จากแผนพัฒนาโครงการดังกล่าว เรามีความมั่นใจในศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกระดับ เราเชื่อว่าการขยายธุรกิจในทุกเซ็กเมนท์ ทุกทำเล นั้นจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ THE TITLE และสามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน”