‘วิรไท’ อดีตผู้ว่าการ ธปท. ฉะนโยบายรัฐ หากไร้ความรับผิดชอบ เสี่ยงเกิดปัญหา

2025-03-13 IDOPRESS

"ดร.วิรไท" อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ ฉะนโยบายรัฐ แจกเงิน 10,000 บาท กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสั้น แต่บิดเบือนกลไกตลาดและโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศ สร้างภาระการคลังไม่คุ้มเสีย ไร้ความรับผิดชอบ เสี่ยงกระทบความเชื่อมั่น

ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Veerathai Santiprabhob ระบุว่า ผ่านมาเกือบปีครึ่ง รัฐบาลประกาศนโยบายแจกเงินในนามดิจิทัลวอลเล็ตไปแล้วสามครั้ง มุ่งมั่นจะทำนโยบายกาสิโน และพนัน online

มีสารพัดปัญหารุมเร้ามากมายที่ยังไม่มีทางออกชัดเจน พายุหมุนเศรษฐกิจเทกระจาดตลาดหุ้นหล่นหนักมาโดยต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะสร้างความมั่นใจให้กลับมาได้อย่างไร

จึงขอนำข้อเขียนเดิมมา post อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเตือนความจำเกี่ยวกับหลักการบริหารบ้านเมืองด้วยความรับผิดชอบครับ

การบริหารบ้านเมืองด้วยความรับผิดชอบเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของผู้มีอำนาจรัฐ

อาจารย์ป๋วยเคยกล่าวไว้ทำนองว่า ถ้าแพทย์รักษาผู้ป่วยผิดพลาด อาจจะสร้างผลกระทบให้กับชีวิตของผู้ป่วยหนึ่งคนและครอบครัว ถ้าวิศวกรสร้างตึก หรือสะพานผิดพลาด อาจจะหมายถึงชีวิตคนหลายสิบหรือหลายร้อยคนที่ใช้งาน แต่ถ้านักเศรษฐศาสตร์ทำนโยบายเศรษฐกิจผิดพลาดแล้ว อาจจะกระทบต่อชีวิตของคนหลายสิบล้านคนทั้งประเทศ

วันนี้ ด้วยพลังของตลาดที่รู้ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี แค่ผู้มีอำนาจรัฐเริ่มคิดจะทำนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่รับผิดชอบ ก็ส่งผลเสียต่อชีวิตคนได้ทั้งประเทศแล้ว ผ่านกลไกของตลาดเงินและตลาดทุน

เรามีตัวอย่างนโยบายภาครัฐจากอดีตหลายอันที่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสั้นๆ แต่สร้างความบิดเบือนให้กับกลไกตลาด และโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ สร้างภาระทางการคลังแบบได้ไม่คุ้มเสีย และส่งผลกระทบต่อผลิตภาพยาวนานไปอีกหลายปี

ไม่ว่าจะเป็นโครงการรับจำนำข้าวทุกเม็ด หรือโครงการรถคันแรก

ถ้าเริ่มต้นบริหารประเทศด้วยการทำนโยบายที่หวังผลต่อ GDP แค่ช่วงสั้นๆ ผลที่จะเกิดขึ้นกับฐานเสียงในการเลือกตั้งสี่ปีข้างหน้าอาจจะกลับทิศได้อีกด้วย ถึงเวลาใกล้เลือกตั้งรอบหน้าเศรษฐกิจที่โดนกระตุ้นด้วยยาโด๊ปเงินดิจิทัล ก็คงหมดพลังลงพอดี


นอกจากนี้โครงการภาครัฐดีๆ อีกนับสิบนับร้อยโครงการที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนในวันนี้และวันหน้าอาจโดนถูกตัดงบประมาณลง

ผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาแสดงให้เห็นชัดว่าประชาชนจำนวนมากต้องการการเปลี่ยนแปลง การปฏิรูป มากกว่านโยบายประชานิยม เชื่อว่าในอีกสี่ปีข้างหน้า กระแสเรียกร้องเรื่องการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูปจะยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก ในขณะที่ทรัพยากรด้านการคลังจะยิ่งจำกัดมากขึ้น

นอกจากนี้ ถ้าผู้มีอำนาจรัฐเริ่มต้นบริหารประเทศด้วยนโยบายที่ไม่รับผิดชอบแล้ว ความน่าเชื่อถือจะไหลลงเร็ว ทั้งจากในและต่างประเทศ จะทำอะไรต่อไปก็จะยากไปหมด มีแต่ความไม่เชื่อมั่น ความแคลงใจกัน นโยบายที่จะสนับสนุนการปฏิรูปและการเปลี่ยนแปลงสำหรับอนาคตของประเทศจะยิ่งเกิดได้ยากมาก

โจทย์ในวันนี้น่าจะเป็นว่าจะช่วยกันหาทางลงให้กับนโยบายที่หาเสียงไว้แล้วแต่ไม่ควรทำได้อย่างไร มากกว่าที่จะเดินหน้าต่อทั้งที่รู้ว่าจะสร้างปัญหาตามมาอีกมากมาย

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

ราคาทองวันนี้ 9 ก.ค. ปรับขึ้น 200 บาท

07-10

เตรียมเปิดลงทะเบียน สำรวจคนไม่มีสมาร์ตโฟน จัดมาตรการช่วยเหลือเพิ่ม

07-10

Beyond IVF ผนึกพันธมิตร นิวซีแลนด์ ช่วยแก้ปัญหาคนไทยมีบุตรยาก

07-10

‘ธนิต’รับภาษีโหด 36% รอบนี้หนัก หวั่นแรงงาน 20 ล้านคนตกงาน

07-10

เฟทโก้ แนะ 3 วิธีรับมือทรัมป์รีดภาษี ประคองเศรษฐกิจไทย-รักษาความเชื่อมั่น-การเมืองอยู่ในกรอบ

07-10

พิชัย ชี้เลื่อนขึ้นภาษี 36%เป็นผลดี ทำให้มีเวลาเจรจาเพิ่ม คลังแย้มมีงบช่วยเหลือ 4 หมื่นล้าน

07-10

2 พันธมิตรธุรกิจยั่งยืนยาวนาน

07-10

พาณิชย์ลุยช่วยชาวสวนมังคุดนคร ดึงห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ล้ง เข้าซื้อ ดันราคาต่อเนื่อง

07-10

พูลพิพัฒน์เดินหน้าพัฒนาโซลาร์รูฟท็อป

07-10

แรงขายหุ้นอิเล็กฯฉุดดัชนีวันนี้ปิดลบ 5.25 จุด

07-10

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap