สงครามการค้าสหรัฐ ฉุดจีดีพีไทยร่วง 1.8% ลุ้นการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ

2025-04-11 IDOPRESS

ดร.อมรเทพ ชี้แม้ "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐ เลื่อนเก็บภาษี 90 วัน แต่ไทยยังเสี่ยง ปรับจีดีพีร่วงเหลือ 1.8% ลุ้นมาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า คืนวันที่ 9 เมษายน 2568 ตามเวลาประเทศสหรัฐ ทรัมป์ประกาศเลื่อนเก็บภาษีตอบโต้ประเทศต่างๆ ออกไป 90 วัน ส่วนจีนโดนภาษีที่ 125% เนื่องจากจีนตอบโต้เก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐ 84%

สำหรับประเทศไทย ที่แม้จะโดนเลื่อนเก็บภาษีนำเข้า 36% ออกไปก่อน เหลือการจัดเก็บเพียง 10% เท่ากับประเทศอื่นส่วนใหญ่ แต่ก็นับว่ามีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าสหรัฐ ความไม่แน่นอน และความตึงเครียดที่ยืดเยื้อ สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จึงได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2568 จาก 2.7% ลงเหลือ 1.8% อย่างไรก็ดี บนความไม่แน่นอน หากมีการจัดเก็บภาษีสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคใน Q3-Q4 และโตเพียง 1.4% แต่ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแม้เพียงเล็กน้อย และความผันผวนทั่วโลก เศรษฐกิจไทยอาจชะลอลงหนักกว่าคาด

มาตรการภาษีทรัมป์จะทำการค้าโลกชะลอ การส่งออกอาจโตเพียง 1.4% การผลิต-การนำเข้าวัตถุดิบและเครื่องจักรลดลง การลงทุนชะลอตัว รายได้แรงงานและนอกภาคเกษตรมีแนวโน้มอ่อนตัว สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่เปราะบาง ได้แก่ เหล็กและอะลูมิเนียม ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยาและเวชภัณท์ อาจได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่น

เศรษฐกิจเติบโตชะลอ เงินเฟ้อต่ำ อาจเปิดทางให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม ในกรณีนี้คาดว่า ธปท. จะไม่ลดดอกเบี้ยรุนแรง เพราะข้อจำกัดหลายประการที่ไม่เอื้อต่อการผ่อนคลายแบบครอบคลุม คาดการณ์ดอกเบี้ยนโยบายปีนี้ 1.25% หากเศรษฐกิจอ่อนแอกว่าคาด อาจมีการลดดอกเบี้ยลงถึงระดับ 1.00% ถ้าแรงกดดันจากภาษียังอยู่ เงินเฟ้อเร่งตัว ธปท. อาจใช้มาตรการเฉพาะจุด เช่น ช่วยเหลือหนี้ SMEs และอัดฉีดสภาพคล่อง แทนการเน้นลดดอกเบี้ย

ขณะที่มาตรการการคลังจะมีบทบาทมากขึ้นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากความกังวลต่อสินเชื่อที่อ่อนแอ และความเสี่ยงภาวะกับดักสภาพคล่อง โดยเฉพาะหากความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและผู้บริโภคยังไม่ฟื้น

ค่าเงินบาท คาดว่าจะอ่อนค่าช่วงกลางปี ก่อนจะทรงตัวปลายปี จากปัจจัยที่ดอลลาร์แข็งค่าในภาวะตลาดผันผวน กดดันค่าเงินประเทศเกิดใหม่รวมถึงค่าเงินบาท ดังนั้น เงินบาทอาจอ่อนค่า Q2 จากการไหลออกของเงินทุน การนำเงินปันผลกลับประเทศ รายได้ท่องเที่ยวทรงตัวหรือชะลอลง นอกจากนี้ ส่วนต่างดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น ระหว่างไทยกับสหรัฐ กดดันเงินบาทเพิ่มเติม อยากให้ระวังเงินบาทผันผวนอ่อนค่าอีกครั้งช่วงปลายปีหากมีความไม่แน่นอนในการเก็บภาษีที่สูงขึ้น

ฐานท่องเที่ยวไทยที่แข็งแกร่ง และผลกระทบจากสงครามการค้าที่จำกัด อาจช่วยให้เงินบาทเป็น ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ ระดับภูมิภาคได้บางส่วน ภาคการท่องเที่ยว คาดว่านักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น แต่เพิ่มเพียงเล็กน้อย คาดว่าจะมี 37.1 ล้านคนปีนี้ เทียบกับ 35.5 ล้านคนปีก่อน

ย้อนกลับไปดู ไทม์ไลน์ วันที่ 2 เมษายน 2568 ทรัมป์ประกาศเก็บภาษี ‘ตอบโต้เท่าเทียม’ (Reciprocal Tariffs) กับหลายประเทศ โดยให้เหตุผลว่าชาติเหล่านั้นได้รับสิทธิประโยชน์ทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม และเรียกว่าเป็น ‘วันปลดแอก’ ของสหรัฐ เขายืนยันจะใช้แนวทาง ‘ตาต่อตา’ หากใครเก็บภาษีจากสหรัฐ สหรัฐจะเก็บคืนในอัตราเท่ากัน ระบุว่าจะนำรายได้จากภาษีไปลดหนี้ประเทศและสนับสนุนประชาชนอเมริกัน

อยากชวนวิเคราะห์ว่า ทรัมป์ต้องการอะไรกันแน่ และทรัมป์ต้องการอะไรจากเรา?

สหรัฐต้องการลดการพึ่งพาจีนและพันธมิตรที่ไม่แท้จริงของสหรัฐมองว่าปัญหานี้เป็นระยะยาว หากไม่ทำอะไร ผลิตภาพของสหรัฐจะถดถอยมองว่าระบบการค้ามีความไม่เป็นธรรม โดยอ้างอิงจากรายงาน “อุปสรรคการค้าต่างประเทศ” ของ USTR ซึ่งระบุว่าหลายประเทศเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐในอัตราสูงตั้งใจนำรายได้จากภาษีมาลดหนี้สาธารณะ และเตรียมแผนลดภาษีภายในประเทศเสนอทางออกของสงครามการค้า ได้แก่ ลดภาษีนำเข้า ยกเลิกมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี หยุดแทรกแซงค่าเงิน นำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น ลงทุนในสหรัฐเพิ่มขึ้น

แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ อยู่บนทางแยก มี 2 แนวโน้มที่เป็นไปได้ในอนาคต

แนวโน้มที่ 1 : เศรษฐกิจโตช้า (Slow Growth) GDP สหรัฐลดลงจาก 2.1% มาอยู่ที่ 1.4% ชาวอเมริกันบริโภคน้อยลง เก็บออมมากขึ้น เลื่อนการลงทุนใหม่ เงินเฟ้อพุ่งจาก 3% ไปที่ 3.7% ด้านดอกเบี้ย เฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ หรือ ลดดอกเบี้ยครั้งเดียวช่วง Q4 ปี 2568 ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินกลุ่ม G7 แต่แข็งค่าไม่มากเทียบตลาดเกิดใหม่ แนวโน้มนี้มีความน่าจะเป็น 80%

แนวโน้มที่ 2 : เศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อย (Mild Recession) GDP สหรัฐ หดตัว -0.2% จากผลกระทบของ Reciprocal Tariff ความไม่แน่นอนทางนโยบาย และการตอบโต้ ด้านภาคครัวเรือนชั้นกลางถึงรายได้สูง อาจลดการใช้จ่ายลง เงินเฟ้ออยู่ราว ๆ 5% ในปี 2568 Fed อาจกลับมาเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หรืออย่างน้อยก็จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมไปถึงปี 2569 เงินดอลลาร์จะแข็งค่าอย่างมากและถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงวิกฤติ การลดการพึ่งพาโลกาภิวัตน์อาจทำให้การค้าระหว่างประเทศลดลงอย่างมาก กระทบต่อ GDP ในระยะยาว แนวโน้มนี้มีความน่าจะเป็น 20%

คู่มืออยู่รอดในยุคความผันผวนทรัมป์


• การลงทุน – เน้นเชิงรับ รักษาเงินต้น เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ที่มีความน่าเชื่อถือดีในอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่ำ เพิ่มเงินสดสำรอง กระจายลงทุนข้ามภูมิภาค


• การบริโภค – ใช้จ่ายอย่างมีสติ เก็บออมเผื่อฉุกเฉิน เลี่ยงการกู้เกินจำเป็น


• SMEs – วางแผนระยะสั้น คุมต้นทุน ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์


• ธุรกิจขนาดใหญ่ – ป้องกันความเสี่ยง ใช้ซัพพลายเชนในประเทศ ขยายสู่ตลาดอาเซียน

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

ไทยพร้อมเปิดนำเข้าข้าวโพด กากถั่ว ผลไม้ เครื่องในจากสหรัฐ แต่ยันไม่นำเข้าเนื้อหมู

04-18

‘บางจาก’ รอคุยทิศทางลงทุนธุรกิจจากกลุ่มอัลฟ่าผู้ถือหุ้นรายใหม่ เชื่อแนวโน้มดี

04-18

สลากดิจิทัลงวดนี้ ถูกแบบกระจาย 24 คน แตก 162 ล้าน รางวัลที่ 1 ออก 266227

04-18

‘เนสกาแฟ’ร่อนแถลงการณ์ยังปักหลักลงทุนในไทย

04-18

อินฟอร์มาฯ เปิดประตูเครื่องประดับไทยสู่โอกาสในธุรกิจระดับโลก

04-18

ฉุดไม่อยู่จริงๆ 3 เดือนครึ่ง ‘ทองคำ’ พุ่งขึ้น 9,550 บาท

04-18

เมืองไทยฯ ดึง ณเดชน์ พรีเซ็นเตอร์ เปิดตัวแคมเปญ “ShieldLife”ช่วยรับมือความเสี่ยง

04-18

เปิดประวัติ ‘อัลฟ่าฯ’ ท่ามกลางกระแสนั่งแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ ‘บางจาก’

04-18

ทองคำขึ้นรายวัน ส่งสัญญาณเตือนภัยเรื่องอะไร??

04-18

พิชัย พร้อมเจรจาซื้อพลังงานสหรัฐ แอลเอ็นจี-อีเทน ปีละ 4 หมื่นล้าน-เครื่องบิน 100 ลำ

04-18

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap