2025-04-23 HaiPress
สมาคมนักวางแผนการเงินไทย แนะคนไทยออมเงินเผื่อฉุกเฉินไม่ต่ำกว่า 6 เดือน รับมือความผันผวนโลกป่วน ชี้การจัดพอร์ตใหม่ กระจายลงทุนลดเสี่ยง เป็นสิ่งจำเป็น
วันที่ 22 เม.ย. นายวิโรจน์ ตั้งเจริญ นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย เปิดเผยว่า การวางแผนทางการเงินในปัจจุบันถือเป็นสิ่งจำเป็น หลังจากไทยต้องเจอกับแผ่นดินไหว และผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากสงครามการค้า ทำให้การวางแผนการเงินส่วนบุคคลไม่ได้เป็นสิ่งที่ไกลตัว โดยแนะนำหากเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือมีรายได้ประจำควรมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไม่น้อยกว่า 6 เดือน และหากเป็นอาชีพอิสระ หรือฟรีแลนซ์ ต้องสำรองเงิน 12 เดือนของค่าใช้จ่ายส่วนตัว และเมื่อกลับสู่ภาวะปกติการสำรองเงินฉุกเฉินก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น
ทั้งนี้ ในส่วนของการวางแผนการลงทุนในช่วงที่มีความผันผวนจากสงครามการค้า ซึ่งยอมรับว่าการลงทุนมีความไม่แน่นอนสูงมาก โดยแนะนำหากจะทุ่มลงทุนสินทรัพย์ไปในที่ใดที่หนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดี ต้องเป็นเรื่องการจัดสรรสินทรัพย์ กระจายการลงทุนที่ดี ต้องมีการเข้าซื้อถัวเฉลี่ย จัดพอร์ตการลงทุนใหม่ ต้องลดทอนสินทรัพย์เสี่ยงสูงลง และปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ รวมทั้งทบทวนแผนการลงทุนด้วย
“ในช่วงเวลานี้ต้องอยู่ในโหมดลดรายจ่าย ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลงซึ่งเป็นหัวใจลำดับต้น และการสร้างรายได้เพิ่ม หารายได้สำรองเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อเกิดความไม่แน่นอนในชีวิต ต้องเตรียมเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน และในปีนี้อยากปรับเพิ่มขึ้นจาก 3-6 เดือน เป็นเงินสำรองขั้นต่ำ 6 เดือน และต้องดูความไม่แน่นอนว่าอะไรที่อาจกระทบด้านทรัพย์สิน ที่สำคัญต้องหลีกเลี่ยงการกู้โดยไม่จำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกู้เพื่ออุปโภคบริโภค เพราะต้องเตรียมเงินเอาไว้รองรับยามฉุกเฉิน”
นายวิโรจน์ กล่าวว่า การเกิดแผ่นดินไหวทำให้ต้องกลับมาตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันวินาศภัยกับที่อยู่อาศัยมากขึ้น ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม กรณีที่ผ่อนหมดแล้วและไม่ได้ทำประกันภัยไว้ แต่กรณีที่มีการผ่อนชำระกับสถาบันการเงินให้กลับไปตรวจสอบว่ามีการทำประกันภัยไว้หรือไม่ และได้ครอบคลุมการคุ้มครองเหตุจากภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวหรือไม่ และยังเห็นความจำเป็นมากขึ้นในการทำประกันชีวิตโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่หาเลี้ยงครอบครัว
นอกจากนี้ นโยบายการค้าในด้านภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้เกิดความผันผวนต่อการลงทุนทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ ซึ่งหากจัดพอร์ตการลงทุนในภาวะแบบนี้ แนะนำให้ลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนโดยรวมลง ด้วยการเพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ที่เสี่ยงต่ำ และเพิ่มน้ำหนักเงินสดให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากราคาสินทรัพย์เสี่ยงปรับตัวลดลงแรง หลังนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐ เริ่มเห็นผลกระทบชัดเจน คาดว่าจะเป็นช่วงกลางปีนี้ ย่อมเป็นโอกาสของการกลับไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ ภายใต้แนวทางการจัดพอร์ตโดยกระจายลงทุนในหลายสินทรัพย์ให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตนเอง
04-23
04-23
04-23
04-23
04-23
04-23
04-23
04-23
04-23
04-23