"จิราพร" ส่งทีม สคบ. ร่วมกับตำรวจ ลงพื้นที่ตรวจเข้มหอพักย่านรังสิต หลังมีผู้ร้องเรียนถูกเอาเปรียบ ข่มขู่ สร้างความเดือดร้อน เตรียมออกหนังสือเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจง ภายในวันที่ 8 พ.ค. 68 หากพบผิดจะส่งดำเนินคดีทางกฎหมายต่อ

น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ (2 พ.ค. 68) ได้มอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต ลงพื้นที่ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจหอพัก Chareeya Residence ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี หลังมีผู้ร้องทุกข์มาที่ สคบ. ว่ามีผู้ประกอบการหอพักดังกล่าวเอาเปรียบ โดยมีการทำสัญญาเช่าที่ไม่เป็นธรรม และมีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ข่มขู่ สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้บริโภค แต่กลับไม่พบบุคคลใดแสดงตนเป็นเจ้าของหอพัก จึงได้เดินทางไปสถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต เพื่อลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน

ทั้งนี้ หลังได้รับการร้องทุกข์ของผู้บริโภคเข้ามา เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ สคบ. ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 เพื่อวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหา และในวันที่ 25 เม.ย. 2568 ได้มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายทั้งหมด จำนวน 17 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้เสียหาย จำนวน 3 ราย ได้ยื่นเรื่องร้องทุกข์กับ สคบ. แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับผู้เสียหายจำนวน 14 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต รับเรื่องไปเพื่อสอบปากคำ และจะรวบรวพยานหลักฐานดำเนินการต่อไป

ต่อมา วันที่ 1 พ.ค. 2568 สคบ. ได้ประสานไปยังสถานีตำรวจภูธรปากคลองรังสิต เพื่อนำเรื่องร้องทุกข์ของผู้ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 14 ราย ไปดำเนินการตามกฎหมาย และออกหนังสือเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจง ในวันที่ 8 พ.ค. 2568 ทั้งนี้ หากผู้ประกอบธุรกิจได้รับหนังสือแล้วไม่มาพบ ก็จะเป็นความผิด ฐานไม่มาให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องระวางโทษตามมาตรา 45 จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

น.ส.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สคบ. จะติดตามและดำเนินการช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม หากพบว่าผู้ประกอบการกระทำความผิด จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนี้ ยังได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เทศบาลตำบลหลักหก เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อาคาร ว่าดำเนินการถูกต้องตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 หรือไม่ รวมถึงประสานกรมกิจการเด็กและเยาวชน เพื่อตรวจสอบว่าผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว มีลักษณะการประกอบธุรกิจหอพักตาม พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ. 2558 หรือไม่ และกรมสรรพากร เพื่อทำการตรวจสอบเกี่ยวกับรายได้ และการเสียภาษีว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้บริโภคได้อย่างครอบคลุมทุกด้าน