เปิดแนวทางเจรจาสหรัฐ รับมือสงครามการค้า ไทยตั้งรับผุดแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 5 แสนล้านบาท เสี่ยงหนี้สาธารณะพุ่งชนเพดาน 70% เร็วกว่าเดิม

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้าสหรัฐ โดยการขยายเวลาเก็บภาษีศุลกากร 90 วัน คาดหนุนเศรษฐกิจไทยไม่มากนัก และไม่เปลี่ยนแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 และในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เศรษฐกิจไทยเผชิญความเสี่ยงสูงจากการขึ้นภาษีฯ ของสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่ำกว่าคาด

ประเทศคู่ค้าของสหรัฐหลายประเทศ รวมถึงไทยได้ขอเจรจากับสหรัฐ โดยในส่วนของไทย ได้แก่

เพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐ เช่น สินค้าเกษตร เครื่องในหมู สินค้าพลังงานลดกำแพงทางภาษี เช่น สินค้าสหรัฐที่แทบไม่สร้างรายได้ทางภาษีให้ไทยลดการกีดกันทางการค้า (ที่ไม่ใช่ภาษี) เช่น ทบทวนอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีลงทุนในสหรัฐ เช่น 1.การแปรรูปอาหาร 2.การผลิตก๊าซธรรมชาติในอะแลสกาอื่นๆ เช่น เสริมความเข้มงวดในการควบคุมใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไทยเตรียมซื้อ LNG จากสหรัฐ 1 ล้านตัน มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ หลังสัญญาจัดซื้อเดิมจะทยอยหมดอายุใน 5 ปีข้างหน้า

ในด้านการส่งออกของไทยในไตรมาส 2/2568 คาดว่าจะชะลอลง แม้มีการชะลอเก็บภาษี 90 วันจากการเร่งนำเข้าสินค้าไปก่อนหน้านี้ และอาจหดตัวในครึ่งปีหลังจากความเสี่ยงที่สหรัฐจะขึ้นภาษีเพิ่มเติม โดยอัตราภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ของสหรัฐต่อไทยที่ 36% คาดว่าจะทำให้การส่งออกของไทยหดตัว 0.50% ในปี 2568 โดยพิจารณาทั้งผลกระทบทางตรงและทางอ้อม

ส่วนสินค้าที่พึ่งพาตลาดสหรัฐเป็นหลัก หรือเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงกว่าประเทศอื่นมีแนวโน้มได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า

ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกของเดือนเมษายน 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยลดลง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวจากจีนและเกาหลีใต้ต่ำกว่าที่คาดไว้

“การเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐเพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ อาจเป็นสิ่งจำเป็น แต่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของไทย”

แผนกระตุ้นเศรษฐกิจ รับมือสงครามการค้า

รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 5 แสนล้านบาท มีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐ และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

มาตรการหลัก ต้องการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน กระตุ้นการลงทุน และออกสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน)แหล่งที่มาของวงเงิน

-วงเงินงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท จากงบประมาณปี 2568

-เงินนอกงบประมาณ 3.43 แสนล้านบาท จาก พ.ร.ก.กู้เงิน และ พ.ร.ก.ซอฟต์โลน

อย่างไรก็ตามจะทำให้หนี้สาธารณะของไทยแตะเพดาน 70% ต่อจีดีพี เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในปี 2570

“ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ประเมินผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐและแผ่นดินไหว จะกระทบจีดีพี 1% ขึ้นอยู่กับผลการเจรจากับสหรัฐ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 จะขยายตัวเพียง 1.4% เท่านั้น