ร้านอาหาร ‘ร่อแร่หนัก’ โอดต้นทุนสูง รายเล็กปิดหนีเพียบ! ด้านเชนใหญ่ ลดต้นทุน งดจัดโปรฯ

จากคำพูดที่ว่า…ไม่ว่าวิกฤติไหน ยังไง “ตลาดร้านอาหารก็รอด” เพราะถึงยังไงคนไทยก็ต้องรับประทานอาหาร!!

แต่ถ้าหากพูดกันในยุคนี้…กว่าจะรอดก็คง“ยาก”

เพราะต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้คนไทยเผชิญทั้งปัจจัยภายในประเทศ อย่าง“เศรษฐกิจ”ที่ส่งผลกระทบต่อตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพิ่มมากขึ้น ค่าครองชีพสูง ขณะเดียวกันยังมีสงครามการค้าที่เอาแน่เอานอนจากอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของทรัมป์ไม่ได้ ทำให้คนทั่วโลกเริ่มผวา ไม่กล้าใช้เงิน ส่งผลให้กำลังซื้อชะลอตัวลงอย่างหนัก

สอดคล้องกับ“นิวรณ์รณ กุลมงคล”นายกสมาคมภัตตาคารไทย ที่บอกว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นปีนี้ทำให้คนไทยระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แถมจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกและช่วงโลว์ซีซั่น ร้านอาหารโดยเฉพาะร้านขนาดเล็กหลายร้านต้องทยอยปิดตัวลง

ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารที่รับนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหว ทั้งต้นทุนวัตถุดิบ แรงงาน ค่าเช่าสถานที่

“ในปีนี้ร้านอาหารหลายร้านต่างโอดเพราะการแข่งขันที่สูงขึ้น และต้นทุนก็สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้หลายร้านต้องลดต้นทุนส่วนเกินออก”

ถ้าสังเกตก็จะเห็นได้ว่าไม่ค่อยเห็นร้านอาหารจัดโปรโมชั่นส่วนลดกันแล้ว ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่แต่ละร้านจะแข่งกันจัดโปรโมชั่นลดตั้งแต่ 15-20% ส่วนลดจากการใช้บัตรเครดิต

แต่ขณะนี้จะเริ่มเห็นว่า ร้านอาหารต่างหันมาบริหารเรื่องของวัตถุดิบแบบละเอียดมากขึ้น เช่น จากเดิมที่เคยใช้กุ้งสดก็เปลี่ยนมาซื้อกุ้งแกะเปลือกบรรจุถุงที่มีระบุปริมาณชัดเจน เพื่อง่ายต่อการคำนวณวัตถุดิบและค่าใช้จ่าย

เช่นเดียวกับ“สมชาย อัศวปิยานนท์”ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL เล่าว่า ขณะนี้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมรับประทานอาหารนอกบ้านน้อยลง และมองหาอาหารที่คุ้มค่าทั้งคุณภาพ และดีต่อสุขภาพมากขึ้น

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจร้านอาหารในปี 68 มูลค่าตลาดร้านอาหาร มีมูลค่ารวมประมาณ 562,000 ล้านบาท เติบโต 3% จากปี 2567 การเติบโตของร้านอาหารแต่ละรูปแบบมีปัจจัยเฉพาะที่ต่างกันโดยร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ คาดว่าจะเติบโต 1.1% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 209,000 ล้านบาท กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ จากการที่ผู้บริโภคมีการปรับลดค่าใช้จ่ายหรือความถี่ในการทานอาหารนอกบ้าน

ขณะที่กลุ่มร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่มองเรื่องความคุ้มค่า เช่นเดียวกับกลุ่มร้านอาหารประเภทอะลาคาร์ท อย่างร้านกลุ่ม Contemporary Casual Dining อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ตามไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป

ส่วนร้านอาหารที่ให้บริการจำกัด คาดว่าจะเติบโต 2.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 92,000 ล้านบาท การขยายตัวจะมาจากการขยายสาขาของผู้ประกอบการอย่างกลุ่มไก่ทอดและพิซซ่า รวมถึงผู้ประกอบการที่ให้บริการในรูปแบบ Full Service ได้ปรับรูปแบบร้านอาหารมาเป็นแบบ Quick Service มากขึ้น และการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดขายต่อเนื่อง

ขณะที่ร้านอาหารข้างทาง ที่มีหน้าร้าน คาดว่าจะเติบโต 4.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 261,000 ล้านบาท ร้านอาหารต้นตำรับ ที่เปิดมานานมีเอกลักษณ์และยังสามารถรักษากระแสนิยม อีกทั้งเป็นเมนูพื้นฐานที่เข้าถึงได้ง่ายและราคาไม่สูง ทำให้ร้านอาหารกลุ่มนี้มีแนวโน้มเติบโตกว่ากลุ่มอื่น ประกอบกับร้านอาหารแนว Street Food ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงการทำการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ช่วยหนุนร้านอาหารกลุ่มนี้