จี้รัฐทบทวนขึ้นค่าแรง 400 บ.ด่วน!! หวั่นทุบกิจการเอสเอ็มอีเจ๊ง

2025-06-19 IDOPRESS

จี้รัฐทบทวนขึ้นค่าแรง 400 บาท เร็วแรงเกินท่ามกลางเศรษฐกิจเปราะบาง หวั่นรายย่อยรับไม่ไหวเจ๊ง โดยเฉพาะก่อสร้าง

นายณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิดเผยถึงผลกระทบมติคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาทในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และบางกิจการในต่างจังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68 ว่า  ขอให้รัฐบาลทบทวนมติการขึ้นค่าแรง 400 บาทอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และเศรษฐกิจไทยโดยภาพรวมสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เนื่องจากภาคธุรกิจมองว่า เป็นการดำเนินนโยบายที่เร็วและรุนแรงเกินไป ในช่วงที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะเปราะบาง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนและกำลังคน อาจทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยรับภาระไม่ไหว ต้องปิดกิจการ  

“ค่าแรงเพิ่งมีการปรับขึ้นไปเมื่อ 1 ม.ค. ผลกระทบจากรอบก่อนยังไม่ทันคลี่คลาย ซึ่งเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงเปราะบาง การเพิ่มภาระต้นทุนซ้ำซ้อนอาจผลักผู้ประกอบการให้ปิดกิจการหรือเลิกจ้าง โดยเฉพาะธุรกิจบริการ และก่อสร้าง ซึ่งใช้แรงงานเป็นต้นทุนหลัก จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และโครงการที่มีราคาสัญญาตายตัว เช่น งานภาครัฐ งานโครงการ ไม่สามารถปรับราคาได้ทันที ทำให้ขาดทุนหรือถูกบีบให้ทิ้งงาน”

อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นค่าแรงในกรุงเทพฯ กว่า 7.2% ถือว่า สูงมาก เมื่อเทียบกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว กลุ่มแรงงานขั้นต่ำจำนวนมากยังขาดทักษะหรือประสบการณ์ที่สอดคล้องกับค่าแรงวันละ 400 บาท ไม่มีโรดแม็พ หรือหลักการที่ชัดเจนในการกำหนดนโยบายค่าแรง ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และแนวโน้มที่ผู้ประกอบการจะลดขนาดแรงงานประจำ หันไปจ้างงานนอกระบบ เสี่ยงต่อเสถียรภาพแรงงานในระยะยาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทั่วพื้นที่ ต่างจังหวัด ปรับค่าแรง 400 บาท เฉพาะบางกิจการ ได้แก่ โรงแรมตั้งแต่ระดับ 2 ดาวขึ้นไป หรือโรงแรมที่มีห้องพัก 50 ห้องขึ้นไป กิจการที่มีห้องอาหารในโรงแรม สถานบริการ ตามพระราชบัญญัติสถานบริการ เช่น คาราโอเกะ ค็อกเทลเลานจ์ การปรับขึ้นครั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68 เป็นต้นไป และจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.อีกครั้ง คาดว่า จะมีแรงงานได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ประมาณกว่า 700,000 คน

ทั้งนี้ทางคณะกรรมการไตรภาคี ระบุว่า อัตราใหม่ได้หารือ และตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมาอย่างรอบคอบหลายรอบภายใต้กรอบของไตรภาคี ซึ่งทุกฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาสถานการณ์เศรษฐกิจ ค่าครองชีพ และความสามารถของผู้ประกอบการ โดยเลือกเริ่มต้นจากภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นน้อยที่สุด แต่สามารถขับเคลื่อนให้เกิดการจ้างงานที่มีคุณภาพได้ทันที

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

อุตฯยานยนต์ หนุนรถกระบะเก่าแลกใหม่ แต่ขอปรับเงื่อนไขดึงดูดใจ

06-25

CRC ประกาศแผน 3 ปีลงทุน 4.7 หมื่นล้านบาทลุยไทย-เวียดนาม

06-25

“มินิ” ปลุกกระแสอีวีพรีเมียม

06-25

ครม.ไฟเขียว 1.153 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจลงสู่ภูมิภาค-เพิ่มจ้างงาน

06-25

ค่าเงินบาทแข็งค่า 32.74 บาท รับข่าวอิสราเอล-อิหร่านบรรลุข้อตกลง

06-25

ตลท. ยกเลิกมาตรการชั่วคราว ใช้เกณฑ์ซิลลิ่ง-ฟลอร์ปกติ ตั้งแต่พรุ่งนี้

06-25

ครม.ไฟเขียว คง 59รายการสินค้า-บริการควบคุม

06-25

รอเลย! คืนนี้ลงทะเบียน ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง’

06-25

‘ชาบูชิ’ 25 ปีใครบอกแก่? เร่งยกเครื่องแบรนด์ใหม่ให้ ‘ใสกิ๊ก’

06-25

ซีอีโอธ.กรุงเทพ ประเทศจีน ชี้ไทยหมุดหมายธุรกิจจีนแห่ลงทุน

06-25

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap