การเมืองไม่แน่นอนเสี่ยงสุญญากาศ กดดันจีดีพี-ธปท.ลดดอกเบี้ย

2025-06-23 IDOPRESS

การเมืองไม่แน่นอนเสี่ยงสุญญากาศ กดดันจีดีพี-ธปท. ลดดอกเบี้ย คาด 2 ครั้งปีนี้ แตะระดับ 1.25%

วันที่ 23 มิ.ย. นายเมธัส รัตนซ้อน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค จากแรงกดดันทั้งภายนอกและภายในประเทศ โดยมีปัจจัยลบสำคัญ ได้แก่ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าโลก ภาคการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจนำไปสู่ภาวะสุญญากาศ ท่ามกลางปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ทิสโก้จึงปรับลดคาดการณ์จีดีพี ปี 68 ลงมาอยู่ที่ 1.6% และปี 69 เหลือเพียง 1.4%

ด้านนโยบายการเงิน คาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ สู่ระดับ 1.25% และอาจลดต่ออีก 2 ครั้งภายในครึ่งแรกของปีหน้า เพื่อรองรับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย

ขณะที่นโยบายการคลัง อาจเป็นเพียงปัจจัยเดียวที่พอจะหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจได้บ้าง หากรัฐบาลสามารถจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นโครงการที่มีตัวทวีคูณทางการคลังสูง และเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนให้ได้มากกว่า 80% ซึ่งจะช่วยชดเชยแรงกดดันจากภาคเศรษฐกิจอื่นที่กำลังมีปัญหาได้บ้าง และอาจหนุนเศรษฐกิจให้เติบโตได้ดีกว่าคาด

อย่างไรก็ดี จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศที่สูงขึ้นมาก อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ภาวะสุญญากาศ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายการคลังให้ไม่สามารถทำงานได้ ระยะนี้จึงต้องจับตาพัฒนาการทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะอาจทำให้แรงส่งทางการคลังพลิกผันกลายมาเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมต่อเศรษฐกิจได้

ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงด้านลบก็ยังคงอยู่ โดยนอกเหนือจากการเจรจาภาษีไม่สำเร็จแล้ว ภาคการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปียังมีความน่าเป็นห่วงอย่างมาก โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้มีโอกาสจะเหลือเพียง 33.5 ล้านคน ลดลง 5.6% จากปีก่อน สาเหตุหลักจากนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมาในระดับก่อนโควิด โดยช่วง 5 เดือนแรกของปี เดินทางเข้ามาเพียง 2 ใน 3 จากปีก่อน หรือมีสัดส่วนเพียง 40% จากช่วงก่อนโควิด สวนทางกับนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติแล้ว สะท้อนว่ามีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องฟื้นฟูความเชื่อมั่น โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย เพื่อไม่ให้สูญเสียตลาดสำคัญนี้ในระยะยาว

ขณะที่ภาคธุรกิจเอสเอ็มอียังคงเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากกำลังซื้อที่ลดลง และการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้กำลังต้องการสภาพคล่องอย่างมากเพื่อประคับประคองธุรกิจให้ผ่านพ้นสภาวะที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูง และมีแนวโน้มจะปรับแย่ลงชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมองว่าภาครัฐ ควรเข้ามาเป็นกลไกในการช่วยเหลือเอสเอ็มอีอย่างเร่งด่วน และจัดสรรงบประมาณบางส่วนจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ไปใช้ในโครงการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) และการรับประกันสินเชื่อ เพื่อเสริมสภาพคล่องและพยุงไม่ให้เกิดคลื่นของการปิดกิจการและการเลิกจ้างที่อาจลุกลามบานปลายไปมากกว่าที่ประเมินอยู่

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

คลัง เตรียมกระสุน 1.5 แสนล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ ลุ้นปัดฝุ่น คนละครึ่ง ลุ้นช้อปดีมีคืน

09-19

ราคาทองวันนี้ 18 ก.ย.ร่วง 50 บาท

09-19

เฟ้นหาสุดยอดผลิตภัณฑ์จากฝีมือคนพิการสร้างคุณค่าเชิงเศรษฐกิจ

09-19

กลุ่มศรีตรัง เปิด AI Clinicเพิ่มศักยภาพบุคลากร

09-19

ดัชนีหุ้นปิดลบ 9.68 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นใหญ่

09-19

ธปท.ยืนยัน ไม่จริง! โซเชียลแชร์ อย่าโอนเงินเข้าบัญชีตัวเองไป-มาจะถูกอายัด

09-19

NRF แท็กทีมมูลนิธิ SOS Thailand ส่งต่อ 1,480 มื้ออาหาร สู่ชุมชนบ้านมั่นคงสวนพลู ในโครงการ “Soul Kitchen by NRF”

09-19

2 ว่าที่รมว.คลัง-ผู้ว่าธปท. คุยรับมือบาทแข็ง ฝากตรวจเงินทุนไหลเข้าผิดปกติ

09-19

โทษบัญชีม้า รับจ้างเปิด ธุระจัดหา จำคุกสูง 5 ปี ปรับอ่วม 5 แสนบาท

09-19

หอการค้าเสนอนายกฯอนุทิน กระตุ้นกำลังซื้อ ฟื้นมาตรการภาษี ‘อีซี่-อีรีซีท’

09-19

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap