ซีอีโอแบงก์กรุงเทพประเทศจีน ชี้ไทยเป็นหมุดหมายธุรกิจจีนแห่ลงทุน สายสัมพันธ์ไทย-จีนแน่นแฟ้น

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 มิ.ย.68 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ “เดลินิวส์” ได้จัดงานดินเนอร์ ทอล์ก 2025 ภายใต้หัวข้อ ความสัมพันธ์ไทย-จีน 50 ปี

นายสิทธิชัย จิวัฒน์ธนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องจับชีพจรลงทุนจีน ผ่านมุมมองซีอีโอแบงก์กรุงเทพ ประเทศจีน โดยมีสาระสำคัญว่า ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจจีนเปลี่ยนแปลงไป มีความท้าทายค่อนข้างมาก มีการแข่งขันสูง มีปัญหาการค้า ปัญหาเศรษฐกิจเติบโตช้าลง ซึ่งในอดีตจีนเติบโตปีละ 10% แต่หลายปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจจีนมีปัญหามากทั้งปัญหาอสังหาริมทรัพย์ เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทางการจีนต้องแก้ไข ทำให้การใช้จ่ายของคนจีนน้อยลง ชาวจีนระมัดระวังการใช้จ่ายและการออมเงิน ทำให้รัฐบาลจีนพยายามลดดอกเบีย้เพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้มูลค่าการค้าไทยจีนอยู่ที่ 4.1 ล้านล้านบาท เป็นการส่งออกไทยไปจีน 1.22 ล้านล้านบาท สินค้านำเข้า 2.99 ล้านล้านบาท และการลงทุนจีนเติบโตเร็วเพิ่มขึ้น 14 เท่า ในช่วงเวลา 10 ปี โดยเฉพาะการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรืออีอีซี ซึ่งไทยเป็นหมุดหมายหลัก ของธุรกิจจีนลงทุนหลายด้าน เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีดิจิทัล การผลิตชั้นสูง อุตสาหกรรมสมัยใหม่ ท่องเที่ยวสุขภาพ อาหาร โลจิสติกส์ ชีวภาพ การแพทย์ การศึกษา เป็นต้น โดยในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูง ช่วยผลักดันให้ไทยเป็นฐานผลิตสำคัญ และสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนไปได้คือความสัมพันธ์ธุรกิจไทยจีนแน่นแฟ้นตลอดมา

นายสิทธิชัย กล่าวว่า ในช่วง 80 ปีของธนาคากรุงเทพ กลุ่มลูกค้าเป็นคนไทยเชื้อสายจีนค่อนข้างมาก และได้ให้การสนับสนุนในทุกด้าน อำนวยความสะดวกผ่านเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ เช่น ในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน และ 9 ประเทศในอาเซียน ครอบคลุมเขตเศรษฐกิจต่างๆ โดยธนาคารกรุงเทพ เชื่อมโยงทั้งอาเซียนและจีน โดยไทยเป็นสะพานเชื่อมภูมิภาค

“มีความสัมพันธ์กับจีนในการทำธุรกิจแน่นแฟ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับจีน ได้มีประสบการณ์ และหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาด้วยกัน”

นอกจากนี้ เมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัว Wechat Pay QR และ UnionPay QR สําหรับลูกค้าชาวไทยเพื่อใช้ชำระเงินในประเทศจีน และในเดือนเมษายนปี 2568 นี้ เป็นธนาคารไทยแห่งแรกที่เข้าร่วมระบบ Cross-border Interbank Payment System หรือ CIPS ในฐานะ direct participant โดยระบบ CIPS ช่วยให้สามารถโอนเงินตรงไปยังธนาคารสมาชิกของ CIPS ในสกุลเงินหยวน โดยไม่ต้องผ่านธนาคารตัวกลาง

เมื่อมองไปข้างหน้า มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือทางธุรกิจและการเงินระหว่างไทยกับจีนจะ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างไทย ฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่แน่นแฟ้นมากขึ้น ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาคธุรกิจและความร่วมมือระหว่างรัฐบาล เช่น ข้อตกลงในการส่งเสริมการลงทุนร่วมกันภายใต้โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative)” และนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”

เมื่อธุรกิจจีนย้ายฐานการผลิตมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยและเวียดนามกลายเป็นหมุดหมายหลัก โดยธุรกิจจีนได้ลงทุนในไทยในหลายด้าน เช่น การผลิตแผงวงจรไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์ และผลิตภัณฑ์โลหะ

ในปีที่ผ่านมา จีนติดอันดับต้น ๆ ในการยื่นขอการส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ โดยยื่นขอทั้งหมด 810 โครงการ มูลค่ารวม 1.746 แสนล้านบาท จากมูลค่ารวมทั้งหมด 8.321 แสนล้านบาท โดยมีโครงการที่ได้รับการอนุมัติทั้งสิ้น 734 โครงการ มูลค่า 1.744 แสนล้านบาท ซึ่งก็คิดเป็น 24% ของมูลค่าการลงทุนต่างชาติทั้งหมดที่ได้รับการอนุมัติ