"รมว.คลัง" มั่นใจไทยมีข่าวดี ข้อเสนอส่งถึงสหรัฐ ภาษีทรัมป์ล่าสุด ชี้อัตราภาษีต้องแข่งขันกับประเทศคู่ค้าอื่นได้ ส่วนกรณีเข้าร่วม BRICS ยืนยันไม่เกิดปัญหา

วันที่ 8 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีไทยถูกสหรัฐเก็บภาษี 36% ว่า จากสหรัฐประกาศมีกว่า 10 ประเทศที่ถูกประกาศขึ้นภาษี โดยในข้อความได้ให้ประเทศเหล่านี้เร่งเจรจาก่อนมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.2568 เนื่องจากการเจรจาต้องใช้เวลา โดยมี 2-3 ลักษณะ คือ ถ้ายังไม่ได้เจรจา หรือภาษีอยู่ในอัตราที่เหมาะสมอยู่แล้ว ก็จะยืนตามเดิม

ส่วนกลุ่มประเทศที่อัตราภาษีเกิน 40% ก็จะถูกดึงลงมาเพื่อให้อัตราอยู่ที่ 40% และยังมีกลุ่มที่อัตราคงเดิม และประเทศที่เคยส่งข้อเสนอไปแล้ว จะมีการปรับเข้ากลุ่ม เช่น เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ยืนยันว่าไทยจึงต้องใช้เวลาช่วงนี้ทำงานให้หนักขึ้น

“มั่นใจว่าข้อมูลที่ส่งไปก่อนหน้านี้ ผู้ปฏิบัติได้รับแล้ว แต่การที่หนังสือที่ประกาศขึ้นอัตราภาษีออกมานั้น เพราะหากไม่ประกาศก็จะทำงานไม่ได้ มั่นใจว่าอัตราภาษีจะทำให้เราเข้าไปอยู่ในกลุ่มระดับเดียวกันกับประเทศที่เป็นคู่แข่งทางการค้า และการส่งออกของไทย ทำให้เราสามารถแข่งขันได้ ส่วนข้อเสนอใหม่ที่เรายื่นไปนั้น โดยปกติข้อเสนอเหล่านี้จะมีรายการจำนวนมาก ซึ่งจะมีการทำ FTA อยู่แล้ว อยู่ในอัตรา 0%”

ส่วนอัตราภาษีคาดหวังเท่าใดนั้น ควรเป็นอัตราภาษีอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และสามารถแข่งขันได้ โดยต้องดูว่าแข่งขันกับใคร ประเทศนั้นได้ภาษีเท่าไร ส่วนประเทศเวียดนามนั้น เป็นเรื่องของสินค้าบางชนิด

นายพิชัย กล่าวว่า กรณีที่ประเทศไทยเข้าร่วมกลุ่ม BRICS จะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่นั้น ไทยได้เข้าไปเรียนรู้และสังเกตการณ์มากกว่า วันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปเยอะ จึงใช้วิธีคิดแบบเดิมไม่ได้ จึงต้องอยู่ให้ได้กับทุกฝ่าย ส่วนจะต้องชี้แจงกับสหรัฐด้วยหรือไม่นั้น ต้องดูด้วยว่าสหรัฐจะส่งอะไรมา ยืนยันว่าไทยเป็นแค่ระดับพาร์ตเนอร์ เชื่อว่าจะไม่เสียหายอะไร

“ตอนนี้จะทำงานอย่างหนัก หากมีอะไรต้องการความชัดเจน ตนก็พร้อมจะเดินทางไปเจรจาตลอด และยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เดินเกมช้า ก่อนหน้านี้ได้คุยกันตลอดเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือน และไม่ได้คุยกันเฉย ๆ แต่คุยถึงรายการสินค้าและลงรายละเอียด พร้อมกับมีแผนสำรอง ไม่ว่าภาษีจะอัตรา 36% หรือต่ำกว่านั้น เพราะการค้าขายในโลกนี้ ต้องปรับกันใหม่ ส่วนการเยียวยาผู้ประกอบการนั้น อยู่ในแผนอยู่แล้ว”

นายพิชัย กล่าวว่า “มั่นใจว่าข้อเสนอของไทยครั้งนี้จะได้รับข่าวดี เนื่องจากอธิบาย วัดผล และปฏิบัติได้ ซึ่งได้ผลต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำแล้วหาย เวลาเสนออะไรแล้ว จะรับปากเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องปฏิบัติได้ด้วย”