ธปท.เปิดผลกระทบภาษีทรัมป์ 36% เศรษฐกิจไทยจมดิ่ง 1 ปีครึ่ง

2025-07-10 HaiPress

แบงก์ชาติ เปิดผลกระทบภาษีทรัมป์ 36% เศรษฐกิจไทยโตต่ำไปอีก 1 ปีครึ่ง มั่นใจไม่เกิดภาวะถดถอย ในอดีตมีเพียง 4 ครั้งเท่านั้น

วันที่ 9 ก.ค. นายปิติ ดิษยทัต รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน “Monetary Policy Forum 2/2568” ว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยจากนโยบายภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ มองว่าจะมีนัยระยะยาวค่อนข้างมาก หากพิจารณามิติความรุนแรงและมิติระยะเวลา จะเห็นว่าช็อกจาก Tariffs แตกต่างกันกับช็อกในรอบการระบาดของโควิด-19 และวิกฤติการเงินโลกในปี 2551 ที่มีความรุนแรงระยะสั้น และเป็นหลุมดิ่งลง ทุกอย่างชะงักงัน แต่ช็อกครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทันที เพราะมีการพูดถึงการขึ้นภาษีมาสักระยะแล้ว แต่ช็อกนี้จะทอดยาวไปถึงปี 2569

ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจมองไปข้างหน้า ธปท. ประเมินเศรษฐกิจปี 2569 ขยายตัว 1.7% ถือว่าค่อนข้างต่ำ เป็นภาพเศรษฐกิจไม่ดีอยู่แล้ว และเป็นการเติบโตต่ำกว่า 2% ซึ่งเติบโตต่ำกว่าศักยภาพ และจะโตต่ำไปอีก 1 ปีครึ่ง แม้ว่าในปี 2568 จีดีพีจะขยายตัว 2.3% จะเห็นว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มาจากตัวเลขจริงที่ออกมาจากแรงส่งภาคการส่งออกที่ออกมาขยายตัวค่อนข้างสูง 12.6% ทำให้การเติบโตเศรษฐกิจในครึ่งแรกของปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2.9-3%

ส่วนในช่วงครึ่งหลังจะเห็นการชะลอตัวค่อนข้างรุนแรง และมีความท้าทายค่อนข้างมาก จะมาจากภาคการส่งออกที่ลดลงรุนแรงในช่วงไตรมาสที่ 3/2568 เป็นต้นไป โดยคาดว่าการส่งออกครึ่งปีหลังจะหดตัว -4.0% และปี 2569 หดตัว -2.0% และจะกระทบต่อการลงทุนภาคเอกชนที่ขยายตัวต่ำไม่ถึง 1% และส่งผลต่อเนื่องไปยังการบริโภคที่ชะลอตัวลงเหลือ 1.7% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ขยายตัว 3%

“มองไปข้างหน้าสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง และอาจจะเกิดช็อกได้ ดังนั้น จุดยืนนโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่เหมาะสม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง สามารถรองรับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่ง แต่มองไปข้างหน้า ธปท.พร้อมจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งพื้นที่การทำนโยบาย (Policy Space) เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นและทนทาน (Resilience) สามารถรองรับช็อกที่จะเกิดขึ้นยาวนานได้”

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ผลกระทบจาก Reciprocal Tariffs ต่อตลาดการเงินโลกและตลาดเงินไทยจากการติดตามาไม่ได้มีผลกระทบ แต่เป็นเรื่องที่ต้องติดตาม โดยปัจจุบันยังเห็นเศรษฐกิจไปได้ ไม่ได้สะดุดตามตัวเลขจริงที่ออกมา แต่มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจมีความท้าทาย เพราะ Tariffs มีผลทอดยาวกระทบต่อการส่งออก การลงทุน และการบริโภค ซึ่งสถานการณ์จะทอดยาวไปถึงปี 2569

ขณะที่เศรษฐกิจไทยมีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะเกิดภาวะถดถอยเชิงเทคนิค (Technical Recession) เนื่องจากตัวเลขจะต้องติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน ซึ่งในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ไทยเกิดภาวะถดถอยเชิงเทคนิคเพียง 4 ครั้งเท่านั้น ได้แก่ วิกฤติต้มยำกุ้ง วิกฤติการเงินโลก การชุมนุมใหญ่ที่มีการปิดสนามบิน และโควิด-19

ส่วนประเด็นความไม่แน่นอนทางการเมือง เป็นประเด็นที่ ธปท. ติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมาปัจจัยทางการเมืองจะมีผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ซึ่งจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จึงเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่ต้องติดตาม

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

เช็กเงื่อนไข คนละครึ่งล่าสุด 2568 ใครได้สิทธิ 60:40 ต้องเสียภาษีไหม

09-11

ราคาทองวันนี้ 10 ก.ย. ร่วง 100 บาท

09-11

ค่าเงินบาท 31.75 บาท เริ่มอ่อนค่าตามแรงขาย จับตาท่าที ธปท.ดูแลเงินบาท

09-11

‘ดร.คงกระพัน’ ซีอีโอ ปตท. แสดงวิสัยทัศน์เวทีโลก Gastech 2025

09-11

หุ้นไทยเช้านี้เปิดบวก 4.08 จุด รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจท้ายปี

09-11

ธุรกิจร้านอาหาร ฝากนายกฯอนุทิน กระตุ้นใช้จ่าย-ท่องเที่ยว พยุงเอสเอ็มอี

09-11

สนง.สลากฯ ยืนยันเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ไม่กระทบทุน ODOS

09-11

‘ฟู้ดแพชชั่น’ ส่งฟิกเกอร์พี่GON เอาใจแฟนด้อม

09-11

มีขึ้นมีลง! ราคาทอง วันนี้ 11 ก.ย. ร่วง 100 บาท 

09-11

สำนักงานสลากฯ ลงใต้เยือนวิสาหกิจโครงการ ‘สลากสรรค์สร้างเพื่อชุมชน’

09-11

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap