เปิดเงื่อนไขโซลาร์ ฟอร์ กู้ด ติดโซลาร์หลังคาฟรี ‘โรงเรียน วัด ชุมชน’ ทั่วประเทศ 200 แห่ง  

‘ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ หรือดับบลิวพี เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เดินหน้าสานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืน “WE PROMISE” เปิดตัวโครงการ “ดับบลิวพี โซลาร์ ฟอร์ กู้ด” พลังงานสะอาดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ด้วยงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท สนับสนุนการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ รูฟท็อป) รวมกำลังการผลิต 2,060 กิโลวัตต์ ให้วัด โรงเรียน โรงพยาบาล และชุมชนกว่า 200 แห่งฟรีครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปี ควบคู่กับการมอบก๊าซหุงต้มให้แก่สถาบันที่เข้าร่วมโครงการปีละ 50,000 กิโลกรัม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ส่งเสริมคุณภาพชีวิต และปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้แก่คนไทยอย่างยั่งยืน

โครงการดับบลิวพี โซลาร์ ฟอร์ กู้ด เป็นหนึ่งก้าวสำคัญของดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ ในการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการติดตั้งระบบพลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างรากฐานแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยหนึ่งในเกณฑ์สำคัญของการคัดเลือก คือ สถานที่เข้าร่วมโครงการจะต้องมีค่าไฟฟ้าเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้พลังงานต้นทุนสูง เพื่อนำเงินที่ลดได้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อื่น

เช่น โรงเรียนนำเงินค่าไฟที่ลดได้ ไปใช้ในกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดประโยชน์กับนักเรียน นำร่องปี 68 บริษัทจะติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปให้ครบ 6 พื้นที่เป้าหมาย ด้วยขนาดเฉลี่ย 10 กิโลวัตต์ต่อแห่ง รวมกำลังผลิต 60 กิโลวัตต์ เริ่มต้นในพื้นที่ใกล้เคียงกับการให้บริการของบริษัท เพื่อความสะดวกในการติดตามและดูแลระบบ

สำหรับธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ที่ผ่านมาได้มีการติดตั้งให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมแล้วประมาณ 11 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างหารือกับลูกค้ารายใหม่เพิ่มเติม คาดว่าจะมียอดติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในปีนี้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น จากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 50 ล้านบาท โดยโครงการดับบลิวพี โซลาร์ ฟอร์ กู้ด เริ่มเปิดรับสมัครหน่วยงานและชุมชนที่สนใจร่วมโครงการแล้วตั้งแต่วันนี้ พร้อมทั้งเชิญชวนพันธมิตรจากภาคเอกชนที่มีความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนเข้าร่วมสนับสนุนโครงการในหลากหลายรูปแบบ

‘นพวงศ์ โอมาธิกุล’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขยายความว่า ตั้งแต่ปี 69 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะตั้งเป้าขยายการติดตั้งให้ครอบคลุมอย่างน้อย 40 แห่งต่อปี หรือประมาณ 400 กิโลวัตต์ต่อปี เพื่อให้ครบ 200 แห่งทั่วประเทศภายในปี 73 คาดลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้กว่า 1.03 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 12.36 ล้านบาทต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 1,483.2 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้กว่า 67,000 ต้น

นอกจากนี้ได้เตรียมจัดกิจกรรมเสริมเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน เช่น การจัดเวิร์กช็อปให้ความรู้ด้านพลังงานสะอาด การรณรงค์ปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และกิจกรรมจิตอาสา มีเป้าหมายสูงสุด เพื่อให้ชุมชนสามารถดูแลรักษาระบบและต่อยอดการใช้พลังงานสะอาดได้ด้วยตนเองในระยะยาว