2025-08-04 HaiPress
นักเศรษฐศาสตร์ชี้โอกาสของไทย ภาษีทรัมป์ 19% ใกล้เคียงเพื่อนบ้าน สามารถแข่งขันได้ เปิดข้อควรระวัง
วันที่ 1 ส.ค. นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ภาษีทรัมป์จบที่ 19% เศรษฐกิจไทยน่าจะรอดภาวะถดถอยทางเทคนิค แต่ยังเสี่ยงโตต่ำครึ่งปีหลัง ระวังสินค้าจีนทะลัก และสหรัฐกีดกันจีนในห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค เร่งหามาตรการเยียวยา SME และผู้ได้รับผลกระทบ
ไทยบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐได้ทันวันที่ 1 ส.ค. โดยไทยลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐลงเหลือ 0% ในสินค้าส่วนใหญ่ แม้ไม่ใช่ทุกรายการเหมือนที่เวียดนามและอินโดนีเซียให้สหรัฐ และไทยน่าเจรจานำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น และวางแผนระยะยาวในการลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐ พร้อมเปิดตลาดภาคบริการและการลงทุนให้บริษัทสัญชาติอเมริกันมากขึ้น จนภาษีนำเข้าที่สหรัฐจัดเก็บกับไทยเหลือเพียง 19% ลดลงจาก 36% แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
โอกาสของไทยภายใต้ภาษีสหรัฐที่ต่ำลงเทียบเคียงเพื่อนบ้าน
1.ส่งออกไทยหดตัวน้อยกว่าคาด
ไทยน่าได้เปรียบจากอัตราภาษีที่ต่ำลงจนใกล้เคียงกับเพื่อนบ้าน ทำให้สินค้าไทย “พอจะแข่งขันได้มากขึ้น”
สินค้าที่พอจะแข่งขันได้: อิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ยางรถยนต์ อาหารแปรรูป ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือ
แต่ถึงอย่างไร การเติบโตด้านส่งออกของไทย น่าจะหดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะสหรัฐจะลดการนำเข้าโดยรวม (จากการเร่งสต๊อกล่วงหน้า + เศรษฐกิจชะลอจากเงินเฟ้อที่จะขยับขึ้น) ซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตของไทยชะลอ การจ้างงาน ชั่วโมงการทำงานและการบริโภคเสี่ยงขยายตัวต่ำในช่วงครึ่งหลังของปี แต่ข่าวดีคือ ยังน่าพอประคองตัวได้ ไม่หดตัวเช่นกรณีถูกจัดเก็บภาษีในอัตราที่สูง
2.ลดความเสี่ยงจากการ “สวมสิทธิ” ส่งออก
ภาษีสหรัฐที่เข้มงวดทำให้ transshipment (การลักลอบใช้สิทธิไทย) ลดลง เพราะจะโดนภาษีเพิ่มอีก 40%
แต่ไทยต้องระวัง: สินค้าที่มี import content สูง อาจถูกมองว่าไม่ได้ผลิตจริงในไทย
ทางแก้: เร่งสร้างฐานการผลิตในสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูง เน้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ พวกเซมิคอนดักเตอร์
3.การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) อาจเพิ่ม
นักลงทุนย้ายฐานจากจีน มาสู่ไทย ไม่ต้องแย่งเวียดนาม อินโดนีเซีย มากนัก
สินค้าเป้าหมาย: กลุ่มที่ถูกเก็บภาษีพอๆ กัน และเน้นตลาดส่งออกไปสหรัฐ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า,แบตเตอรี่,ชิ้นส่วนยานยนต์ ฯลฯ
“อย่าลืมว่าผู้ประกอบการไทยจะได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลงจากอัตราภาษีที่ไทยเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐที่ลดลง เช่น ยาและเวชภัณท์ ผลิตภัณท์อาหาร และอาหารสัตว์ ข้าวโพด ถั่วเหลือง และอื่นๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการลงทุนในกลุ่มนี้”
ข้อควรระวัง: ไทยยังเสียเปรียบด้านโครงสร้างต้นทุน เช่น ค่าแรงสูง ค่าไฟแพง กฎระเบียบซ้ำซ้อน พยายามสร้างจุดขายพวก ESG พลังงานทดแทน
4.นโยบายการคลังควรเน้นประคองเศรษฐกิจ ช่วยภาคที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนนำเข้าสูง เช่น ภาคเกษตรบางกลุ่ม อุตสาหกรรมที่ไทยลดภาษีนำเข้า อาจต้องมี มาตรการเยียวยาแรงงาน หรือ กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ
5.นโยบายการเงินยังผ่อนคลายได้
เงินเฟ้อต่ำ เปิดทางให้ดอกเบี้ยลดต่ำต่อไปได้
เศรษฐกิจโตช้า เพิ่มสภาพคล่อง เร่งการปล่อยสินเชื่อ
ภาคท่องเที่ยวยังอ่อนแรง เสริมความจำเป็นต้องกระตุ้นต่อ
6.บาทอาจแข็งค่าจากความเชื่อมั่น
นักลงทุนมองว่าไทย “เสี่ยงต่ำ” กว่าเวียดนาม อินโดฯ ส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าตลาดทุนไทยมากขึ้น แต่ต้องคุมไม่ให้บาทแข็งเกินไป จนกระทบผู้ส่งออก
7.GDP ไทยรอดภาวะถดถอยทางเทคนิค
แม้เศรษฐกิจไม่หดตัวแรง แต่การเติบโตยังต่ำในมุมไตรมาสต่อไตรมาสความหวังอยู่ที่: ครึ่งหลังของปีหน้า (H2/2026) หากส่งออก-ลงทุนฟื้น และการบริโภคภายในประเทศกลับมาแข็งแรง
แม้จะไม่ได้บูมเต็มตัว แต่ “ภาษีต่ำลง” เปิดโอกาสให้ไทย รอดได้พร้อมๆ เพื่อนบ้าน ในสภาวะที่สหรัฐกีดกันการค้าเข้มขึ้น แต่ให้จับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่อาจยังไม่จบ จนไทยโดนผลกระทบทางอ้อมได้ เช่นนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวต่ำ หรือลดลงจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่เปราะบางมากขึ้น
จุดแข็งที่ต้องเร่งต่อยอด: พัฒนาห่วงโซ่การผลิตในประเทศ ปรับต้นทุนธุรกิจให้แข่งขันได้ ใช้นโยบายการคลัง-การเงินอย่างแม่นยำ
08-04
08-04
08-04
08-04
08-04
08-04
08-04
08-04
08-04
08-04