รัฐบาลเล็งรีดภาษีเพิ่ม 6 แสนล้าน แก้วิกฤติการคลัง ขาดดุลระยะยาว

2025-09-01 HaiPress

พิชัย เปิดแผนการคลัง แก้วิกฤติขาดดุลระยะยาว ลุยเพิ่มภาษี 6 แสนล้าน ยังไม่ฟันธงขึ้นแวต หารายได้จากสินทรัพย์ และแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เล็งขยายลงทุน ปั๊มจีดีพี 4-5% ลดการขาดดุลเหลือ 3% ได้  

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมยตรี และรมว.คลัง เปิดเผยในงานปาฐกถาสัมมนาประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ว่า ยอมรับว่าปัจจุบันไทยยังมีสถานะการคลังไม่สมดุล เนื่องจากมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ และต้องทำงบประมาณขาดดุลมาอย่างยาวนาน ดังนั้นการปฏิรูปทางการคลังสมดุลและยั่งยืน ภาครัฐจะต้องมีรายได้มากขึ้นมาจาก 3 ส่วน ส่วนแรกจากภาษีของรัฐบาล ควรต้องเพิ่มขึ้นอีก 6 แสนล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันรัฐมีรายได้ภาษีคิดเป็นสัดส่วนเพียง 15% ต่อจีดีพี ซึ่งยังต่ำกว่าประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกับไทยที่อยู่ 18% จึงควรจะต้องมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้นอีก 3% หรือ 6 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากปัจจุบันที่เก็บ 7% ที่จะหมดอายุในเดือน ก.ย.นี้  กำลังพิจารณาชั่งน้ำหนักว่า ควรจะทำอย่างไร เพราะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แล้ว ภาษีมูลค่าเพิ่มของไทย ต่ำกว่าหลายๆ ประเทศมาก แต่การจะปรับเพิ่มอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังไม่อยู่ในภาวะที่เป็นธรรมชาติ,ผลกระทบจากภาษีทรัมป์  โดยหากรัฐบาลตัดสินใจปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม ก็คงจะไม่นำรายได้ที่เพิ่มขึ้นไปลดภาระหนี้สาธารณะอย่างเดียว แต่จะนำไปใช้ลงทุนที่จะเกิดผลดีต่อภาคเอกชน และการจ้างงานของประชาชนรายย่อย

ส่วนอีก 2 วิธีต่อมาคือ การเพิ่มรายได้ของรัฐบาล ด้วยการนำทรัพย์สินของภาครัฐ เช่น ทางด่วน หรือสายส่งไฟฟ้า นำมาแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ซึ่งทรัพย์สินในส่วนนี้มีมูลค่ารวมกันราว 2 ล้านล้านบาท และมีรายได้เข้ามาหลายแสนล้านบาท นอกจากนี้รัฐบาลควรจะมีการหารายได้จากสินทรัพย์ที่มีการลงทุนไป ผ่านหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะปัจจุบัน ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ยังต่ำมากไม่ถึง 2% ด้วย

“รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะขาดการขาดดุลงบประมาณให้เหลือไม่เกิน 3% ของจีดีพี จากปีงบประมาณ 68 ที่อยู่ที่ 4% เศษ และปีงบประมาณ 69 อยู่ที่ 4% ซึ่งหลังจากนั้นอีก 1-2 ปีงบประมาณ รัฐบาลจะพยายามทำให้การขาดดุลลดลงไม่เกิน 3% ของจีดีพี”

นายพิชัย กล่าวว่า นอกจากการเพิ่มรายได้เข้ารัฐแล้ว สิ่งที่จะช่วยเพิ่มพื้นที่ทางการคลังสู่ความยั่งยืนได้ จะต้องมีการเพิ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะปัจจุบันจีดีพีโตต่ำสุดในภูมิภาค และต่ำกว่าศักยภาพ เห็นได้จากตัวเลขค่อยโตต่ำลงมาเรื่อย  โดยสิ่งที่จำเป็นต้องเร่งแก้ตั้งแต่ต้นเหตุคือ การเร่งการลงทุน ซึ่งก่อนวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 การลงทุนของไทยเคยสูงถึง 51% ของจีดีพี แต่หลังวิกฤติต้มยำกุ้ง การลงทุนของไทยอยู่ในระดับ 20% หรือคิดเป็นเม็ดเงินลงทุน 4 ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อย ดังนั้น ควรเพิ่มการลงทุนขึ้นเป็น 30% ของจีดีพี หรือเป็นเม็ดเงิน 6 ล้านล้านบาท โดย 1 ล้านล้านบาทมาจากลงทุนต่างชาติ 5 แสนล้านบาทจากภาครัฐ และอีก 4.5 ล้านล้านบาทมาจากการลงทุนต่อเนื่องของภาคเอกชนไทย ในระบบซัพพลายเชน

“สาเหตุที่การลงทุนต่างชาติ ของไทย แผ่วลงเพราะโลกได้ปรับเปลี่ยนไปมากในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาแต่ไทยยังผลิตสินค้าแบบเดิม เห็นได้จากการส่งออกที่เน้นสินค้าเกษตร ที่มีผลผลิตและรายได้น้อยลงไม่ถึง 8% ของจีดีพี ซึ่งเป็นโครงสร้างการผลิตแบบเดิมๆ จึงจำเป็นต้องปฏิรูปใหม่ โดยหากไทยสามารถเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่อจีดีพีเป็น 30-35% โอกาสที่จะขยายตัว 4-5% ก็เป็นไปได้”

คำปฏิเสธ: บทความนี้ทำซ้ำจากสื่ออื่น ๆ วัตถุประสงค์ของการพิมพ์ซ้ำคือการถ่ายทอดข้อมูลเพิ่มเติมไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์นี้เห็นด้วยกับมุมมองและรับผิดชอบต่อความถูกต้องและไม่รับผิดชอบใด ๆ ตามกฎหมาย แหล่งข้อมูลทั้งหมดในเว็บไซต์นี้ได้รับการรวบรวมบนอินเทอร์เน็ตจุดประสงค์ของการแบ่งปันคือเพื่อการเรียนรู้และการอ้างอิงของทุกคนเท่านั้นหากมีการละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญาโปรดส่งข้อความถึงเรา

ล่าสุด

“ส.อ.ท.” ชี้นายกฯหลุดเก้าอี้ กระทบเบิกจ่ายงบ-การลงทุนชะงัก แนะรัฐเร่งสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน

09-01

รัฐบาลเล็งรีดภาษีเพิ่ม 6 แสนล้าน แก้วิกฤติการคลัง ขาดดุลระยะยาว

09-01

“หอการค้าไทย” ขอเร่งหานายกรัฐมนตรีใหม่ ห่วงการเมืองซ้ำเติมเศรษฐกิจกระทบเป็นลูกโซ่

09-01

ดัชนีหุ้นปิดลบ 13.48 จุด หลัง ‘อิ๊งค์’ หลุดตำแหน่งนายกฯ

09-01

นายกฯคนใหม่เจอโจทย์หิน เร่งสร้างความเชื่อมั่น สร้างงาน สร้างรายได้

09-01

ธปท.ชี้นายกฯพ้นตำแหน่ง ภาพชัดขึ้นฟื้นความเชื่อมั่นคนลงทุน

09-01

ฌาน นิรามิสสุข คลอด 2 สินค้าใหม่ ‘น้ำมันรำข้าวเพลิน-THAM น้ำแร่ธรรมชาติ’

09-01

คปภ.ออกคำสั่ง เพิ่มความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ ภาคบังคับ-สมัครใจ สูงสุด 20 ล้าน ไม่ขึ้นเบี้ยประกัน

09-01

ลา โรช-โพเซย์ กางแผนติด Top3 ยอดขายสกินแคร์สูงสุดในไทย

09-01

พาณิชย์ออกประกาศ ราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 68/69 สูงสุด กก. 9.80 บาท

09-01

©ลิขสิทธิ์ 2009-2020 โพสต์ตอนเช้าไทย      ติดต่อเรา   SiteMap