2025-09-05 HaiPress
เช็กสิทธิสวัสดิการข้าราชการ วางแผนการเงินหลังเกษียณ ข้อแตกต่าง ข้อดี-ข้อเสีย ระหว่างบำเหน็จและบำนาญ
ก้าวเข้าสู่เดือน กันยายน 2568 เป็นเดือนสุดท้ายของข้าราชการหลายคนในการทำงาน เมื่อถึงวัยเกษียณ สิ่งแรกที่จะคิดคือ จะมีรายได้จากตรงไหน และจะมีเพียงพอต่อการดำรงชีพหลังเกษียณหรือไม่
การวางแผนการเงินก่อนเกษียณ เป็นเรื่องสำคัญที่ข้าราชการต้องวางแผน โดยอย่างแรกเริ่มจากการตรวจสอบสิทธิประโยชน์ว่าเมื่อเกษียณอายุแล้ว จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง เช่น
เงินบำนาญ
เงินสะสมจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
สิทธิในการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
เมื่อข้าราชการ วางแผนการเงินแล้ว ควรจัดการหนี้สินและรายจ่ายของตัวเองด้วย อีกเรื่องที่สำคัญ เช่น
หนี้บ้าน
หนี้สินส่วนตัว
ค่าครองชีพ
ค่ารักษาพยาบาล
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
รายได้ที่จะได้รับของข้าราชการเกษียณ เช่น
เงินบำนาญ
เงินจากการลงทุน
รายได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ
อีกหนึ่งช่องทางการออมเงินของข้าราชการ คือ ผ่านกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (Government Pension Fund: GPF) หรือ กบข.
กบข. คือ กองทุนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งสะสมเงินเพื่อการเกษียณอายุสำหรับข้าราชการ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยให้ข้าราชการมีเงินออมเพียงพอสำหรับการเกษียณอายุ และสร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการมีการออมเพิ่มขึ้น เป็นการจัดการเงินออม
ใครบ้างมีสิทธิเป็นสมาขิก กบข. ดังนี้
1.ข้าราชการพลเรือน
2.ข้าราชการตุลาการ
3.ข้าราชการอัยการ
4.ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
5.ข้าราชการรัฐสภาสามัญ
6.ข้าราชการตำรวจ
7.ข้าราชการทหาร
8.ข้าราชการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
9.ข้าราชการศาลปกครอง
10.ข้าราชการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
11.ข้าราชการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
12.ข้าราชการในพระองค์
13.ข้าราชการซึ่งโอนไปเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น
14.ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาและพนักงานในสถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ
สมาชิก กบข. จะได้รับเงิน 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 เงินบำเหน็จ หรือ บำนาญ (สิทธิในบำเหน็จหรือบำนาญเป็นเช่นเดิม คือขึ้นอยู่กับระยะเวลาการทำงาน) จากเงินงบประมาณ ซึ่งคำนวณจาก
บำเหน็จ = เงินเดือนเดือนสุดท้าย x อายุราชการ (ปี)
บำนาญ = (เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย x อายุราชการ (ปี)) หารด้วย 50
ทั้งนี้ เงินจำนวนนี้ต้องไม่เกิน 70% ของเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย
ส่วนที่ 2 สมาชิกจะได้รับเงินก้อนจากกองทุนภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน นับแต่เกษียณอายุหรือลาออกจากราชการ
เงินสะสม หรือเงินออมของสมาชิกที่ถูกหักจากเงินเดือนทุกเดือน
เงินสมทบ หรือรางวัลการออมที่รัฐให้
เงินประเดิม และเงินชดเชย เป็นเงินที่รัฐให้กับสมาชิกเพื่อชดเชยสูตรบำนาญที่จะได้น้อยลง (ชดเชยเพื่อไม่ให้ผู้เป็นสมาชิก กบข. เสียเปรียบคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก) เงินนี้มีเงื่อนไขว่าจะจ่ายให้สมาชิกเมื่อสมาชิกสิ้นสุดสมาชิกภาพและเลือกรับบำนาญเท่านั้น หากสมาชิกที่เลือกรับบำเหน็จจะไม่ได้รับเงินประเดิมและเงินชดเชย เพราะไม่มีการเปลี่ยนสูตรบำเหน็จ
เช็กสิทธิสวัสดิการของข้าราชการเกษียณ
1.สิทธิรักษาพยาบาล ผู้รับเงินบำนาญมีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลของตนเองและบุคคลในครอบครัวที่ชอบด้วยกฎหมาย (บุตรไม่รวมบุตรบุญธรรม ได้สิทธิ 3 คน อายุไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ เรียงตามลำดับการเกิดก่อนหลัง คู่สมรสตามกฎหมาย บิดาและมารดา) “ค่าตรวจสุขภาพประจำปี” เบิกได้เฉพาะผู้มีสิทธิ ไม่รวมบุคคลในครอบครัว ตามอัตราที่กระทรวงการคลังกำหนด และสิทธิรักษาพยาบาลจะสิ้นสุดลงเมื่อเจ้าของสิทธิ์เสียชีวิต
2.เงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร ผู้รับเงินบำนาญมีสิทธิ นำเงินบำรุงการศึกษาหรือเงินค่าเล่าเรียนของบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย มาเบิกกับทางราชการ
บุตร หมายถึง บุตรชอบด้วยกฎหมายอายุ 3-25 ปี แต่ไม่รวมบุตรบุญธรรม และบุตรซึ่งบิดามารดายกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น และเป็นบุตรคนที่ 1-3 โดยนับเรียงลำดับการเกิดก่อนหลัง ไม่ว่าจะเป็นบุตรที่เกิดจากการสมรสครั้งใด และอยู่ในความปกครองของใคร
3.ยกเว้นเงินได้เสียภาษี 190,000 บาท ข้าราชการบำนาญที่มีอายุ 65 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ได้รับสิทธิยกเว้นเงินได้ ไม่ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับเงินได้พึงประเมินทุกประเภทที่ได้รับรวมกัน ไม่เกิน 190,000 บาท ในปีภาษี
การเสียสิทธิรับเงินบำนาญ : ตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2551 เป็นต้นไป ผู้รับเงินบำนาญจะเสียสิทธิรับเงินบำนาญหากกระทำ ดังนี้
กระทำความผิดถึงต้องโทษจำคุก โดยคำพิพากษาโทษจำคุก
เป็นบุคคลล้มละลายทุจริต ตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย
กรณีข้าราชการบำนาญเสียชีวิต
ข้อแตกต่างระหว่างบำเหน็จและบำนาญ
ข้อดี-ข้อเสียของเงินบำเหน็จ
การได้รับเงินก้อนใหญ่ทันที ทำให้สามารถใช้เงินก้อนนั้นไปลงทุน,ปลดหนี้สิน,หรือวางแผนการใช้เงินในแบบที่ตนเองต้องการได้อย่างอิสระ แต่หากไม่มีการวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบหรือการลงทุนที่ดี อาจทำให้เงินหมดเร็วและขาดรายได้ในระยะยาว หรือหากไม่มีรายได้อื่นมาเสริม เงินก้อนใหญ่ที่ได้อาจหมดไปในระยะเวลาสั้น และอาจทำให้ขาดเงินใช้จ่ายในอนาคต
ข้อดี-ข้อเสียของเงินบำนาญ
เงินบำนาญให้ความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ เนื่องจากจะมีรายได้เข้ามาทุกเดือนตลอดชีวิต ผู้รับไม่ต้องกังวลเรื่องการบริหารเงิน หากมีอายุยืนยาว การได้รับเงินบำนาญจะเป็นประโยชน์มาก เนื่องจากยังคงมีรายได้ทุกเดือนแม้ผ่านไปหลายปีหลังเกษียณ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนใหญ่สำหรับการลงทุนหรือจ่ายหนี้สิน การรับเงินบำนาญอาจไม่ตอบโจทย์ หรือหากเสียชีวิตเร็ว ไม่ว่าจะจากสุขภาพแย่ โรคภัยไข้เจ็บ หรือ อุบัติเหตุ เงินที่ได้อาจน้อยกว่าบำเหน็จ
09-05
09-05
09-05
09-05
09-05
09-05
09-05
09-05
09-05
09-05