ครม. ไฟเขียวห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ หวังลดมลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชน พร้อมไฟเขียวยกเลิกประกาศยางรถมือสองเป็นสินค้าต้องห้าม เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกฎหมาย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงรายการสินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์และพิกัดอัตราศุลกากรกำหนดให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2563 สำหรับของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามชายแดนของเสียอันตรายและการกำจัดจากระบบฮาโมไนซ์ ปี 2017 เป็นระบบฮาโมไนซ์ ปี 2022 จากเดิม 428 รายการ เป็น 463 รายการ โดยให้ร่างประกาศดังกล่าว มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ทั้งนี้ ได้กำหนดให้รายการสินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้ง 463 รายการ เป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อลดปริมาณของเสียที่นำเข้ามากำจัดภายในประเทศ รวมทั้งช่วยลดมลพิษที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของประชาชน สำหรับของเสียที่ห้ามนำเข้าในประกาศฉบับนี้ เช่น ของเสียที่มีส่วนปนเปื้อนหรือมีส่วนประกอบด้วยโลหะ ผสมจากสารหนู แคดเมียม ตะกั่ว ปรอท (เว็บแคมเมอรา กล้องถ่ายบันทึกภาพดิจิทัล กล้องถ่ายบันทึกวีดีโอ เครื่องบันทึกเสียง)  

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม. ระบว่า สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. ได้เสนอความเห็นต่อที่ประชุม ครม. ว่าเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ควรร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผลักดันให้เกิดกฎหมายในการกำจัดขยะอิเล็กทรอลิกส์ รวมทั้งส่งเสริมผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์และนำขยะเล็กทรอนิกส์มาใช้ประโยชน์ต่อไป

ขณะเดียวที่ประชุม ครม. ยังได้เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ยางรถใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยปรับปรุงรายมาตรการควบคุมการนำเข้ายางรถยนต์ใช้แล้ว จากประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ให้ยางรถใช้แล้วเป็นสินค้าที่ต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตฯ พ.ศ. 2556 ที่กำหนดให้ยางรถที่หล่อดอกใหม่ชนิดที่ใช้กับรถบัสหรือรถบรรทุกตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทย่อย 4012.12.10 และ 4012.12.90 และยางรถที่ใช้งานแล้วชนิดที่ใช้กับรถบัสหรือรถบรรทุกตามพิกัดอัตราสุลกากรประเภทย่อย 4012.20.21 และ 4012.20.99 เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตนำเข้าเพื่อให้ไม่ซ้ำซ้อนกับกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมยางล้อแบบสูบลมหล่อดอกสำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์และส่วนพ่วงต้องเป็นไปตามมาตรฐาน พ.ศ. 2564 ของกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งปรับปรุงข้อยกเว้นการนำเข้ายางรถที่ใช้แล้วให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น เพื่อการศึกษาวิจัยหรือเป็นตัวอย่างในปริมาณไม่เกิน 10 เส้น หรือกรณีเป็นเศษยางในปริมาณไม่เกิน 20 กก. โดยร่างประกาศฉบับนี้ ให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา